ทะเลน้อย แห่ง พัทลุง เป็นสวรรค์ของนักดูนกแล้ว คนที่ชอบชมป่า ก็ตกหลุมรักทะเลน้อยแห่งนี้ เช่นกัน…
เมื่อหลายสิบปีก่อนจังหวัดพัทลุง ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่สีแดง ซึ่งในสมัยคอมมิวนิสต์จัดได้ว่าเป็นพื้นที่อันตรายเนื่องจากมีผู้ก่อการร้าย คอยก่อความไม่สงบไม่เว้นแต่ละวัน จังหวัดเล็กๆ แห่งนี้จึงเสมือนถูกปิดตายจากความเจริญภายนอกอยู่นานหลายปี
ทะเลน้อย … ลุ่มน้ำจืดไซส์มหึมา แห่งเมืองพัทลุง
กาลเวลาผ่านมานานจนคนรุ่นหลังอย่างเราๆ คงนึกภาพพัทลุงแบบในอดีตไม่ออก นอกจากความสงบเงียบตามประสาเมืองเล็กๆ ในบรรยากาศภาคใต้ของไทย แต่ในความสงบเงียบก็ซ่อนเสน่ห์อันเหลือเชื่อเอาไว้มากมาย และคุณค่าของเมืองพัทลุง ที่ธรรมชาติชดเชยให้ในสิ่งที่ขาดหายไปไม่เหมือนกับที่จังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้เขามี
นั่นก็คือ “ทะเลน้ำจืด” อันขึ้นชื่อลือชา นามว่า “ทะเลน้อย” แห่งพัทลุงนั่นเอง
ในอำเภอควนขนุน ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองพัทลุงออกไปราว 32 กม. มีทะเลสาบขนาดใหญ่ซุ่มซ่อนอยู่เคียงคู่กับหุบเขาที่นิ่งสงบ ลำน้ำแห่งทะเลน้อยถือเป็นต้นทางของทะเลสาบสงขลา ครอบครัวนกนานาสายพันธุ์ถือเป็นเครื่องยืนยันความอุดสมบูรณ์ของธรรมชาติแห่ง ทะเลน้อยได้เป็นอย่างดีจนได้ชื่อว่าเป็นบ้านของนก โดยเฉพาะนกในกลุ่ม “นกน้ำ” หรือ “นกเป็ดน้ำ” ทว่าแต่เดิมนั้น ทะเลน้อยมีความอุดมสมบูรณ์มากจนถูกประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย มาตั้งแต่ปี 2518 และความสมบูรณ์นี้ยังได้รับการขนานามให้เป็นเขตชุ่มน้ำสำคัญระดับโลก หรือ Ramsar site เพราะยังแวดล้อมไปด้วยพื้นที่ป่าพรุ ป่าเสม็ด และทุ่งหญ้าอีกมหาศาล รวมถึงพื้นที่ทุ่งนาและป่าดิบชื้นที่เป็นทั้งแหล่งเพาะปลูก ยังชีพ และหาเลี้ยงครอบครัวของชาวบ้านนในพื้นที่ และกว้างใหญ่พอที่จะเรียกว่าเป็นทะเลน้ำจืดหรือทะเลสาบได้ หากนับรวมๆ กันไป ทะเลน้อยจะมีพื้นที่กว่า 280,000 ไร่เลยทีเดียว
เมื่อสภาพพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ความสวยงามอย่างธรรมชาติก็ตามมา “ทะเลน้อย” นั้นนอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักดูนกแล้ว คนที่ชอบชมป่า ล่องเรือเพลินๆ กลางทะเลสาบ ก็ล้วนแต่ตกหลุมรักทะเลน้อยแห่งนี้ หากเป็นช่วงที่จะล่องเรือชมบัวอย่างสวยงามที่สุด เขาแนะนำว่าเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม นั้นกำลังดี เพราะเป็นหน้าบัวสายเติบโตเต็มที่ บางครั้งบางทียังอาจจะสวยสดงดงามกว่าทะเลบัวแดงของทางฝั่งภาคอีสานซึ่งไม่มี เพื่อนร่วมทางนำเที่ยวอย่างนกกระยางหลากสายพันธุ์ นกเป็ดแดง นกอีโก้ง และฝูงนางนวลโบกปีกสะบัดพักผ่านเป็นฝูงเหมือนคณะระบำอันพริ้วไหว ขณะที่หน้าดูนกนั้นจะเริ่มต้นก่อนหน้าฤดูบัวบานเล็กน้อยคือในราวเดือน ธันวาคม และฝูงนกจะค่อยๆ เบาบางลงในเดือนเมษายนเมื่อถึงช่วงฤดูอพยพย้ายถิ่น เพื่อจะกลับมาเยี่ยมทะเลน้อยอีกครั้งในราวปลายปี นี่คือความหฤหรรษ์ในหัวใจที่นักดูนกทั้งหลายจะได้รับจากที่นี่ ซึ่งมีชื่อเรียกเต็มๆ อย่างน่าภาคภูมิใจว่า “อุทยานนกน้ำทะเลน้อย” เป็นเครื่องยืนยันอัตตลักษณ์ของหัวใจแห่งทะเลน้อยนั่นเอง
เป็นวัฏจักรแห่งชีวิตอันงดงาม เรียบง่าย แต่สร้างสมดุลอันยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติโดยแท้
แน่นอนว่า เมื่อวันเวลาผันผ่าน หลายชีวิตในธรรมชาติก็อาจถึงคราต้องเปลี่ยนแปลง หากใครที่เคยไปทะเลน้อยเมื่อหลายปีก่อนแล้วมีโอกาสได้หวนกลับไปเยี่ยมอีก ครั้งในวันนี้ ภาพบางภาพในความทรงจำอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย พอๆ กับที่มีภาพใหม่ๆ ของวิถีชีวิตใหม่ๆ แทรกเข้ามาบ้าง นั่นคือภาพของ “ควายน้ำ” ที่ทราบมาว่าทางททท.ได้บรรจุเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการท่องเที่ยวทะเลน้อยฉบับโมเดิร์นไปเรียบร้อยแล้ว
ภาพโดย คุณ psw2548
ควายน้ำแห่งทะเลน้อย แท้จริงแล้วก็คือควายบ้านที่เขาเลี้ยงกันตามท้องทุ่งนา หาใช่สัตว์ป่าสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด แต่ควายน้ำ คือพฤติกรรมการปรับตัวของควายท้องถิ่นเพื่อการหากินกับแหล่งอาหารของพวกมัน กล่าวคือ เมื่อน้ำในทะเลสาบทะเลน้อยลดต่ำไปจนถึงแห้งขอดในบางช่วงจนมีสันดอนพื้นดิน โผล่ มีทุ่งหญ้าขึ้น เจ้าควายพวกนี้มันก็จะขึ้นมาและเล็มหญ้ากินบนบก แต่เมื่อยามหน้าน้ำ ทะเลน้อยมีปริมาณน้ำสูง ท่วมทุ่งหญ้า ท่วมแหล่งหากินของควาย เจ้าควายพวกนี้มันก็จะปรับตัว เปลี่ยนมากินพืชน้ำอย่างสายบัว ใบบัว หรือสาหร่ายแทน โดยมันจะพร้อมใจกันลงไปหากินภายในน้ำทำให้คนเรียกมันว่า “ควายน้ำ” ไม่เพียงเท่านั้นควาย ที่นี่ยังเก่งมากในเรื่องการว่ายน้ำ ดำน้ำ ควายแต่ละฝูงสามารถหากินได้ทั้งบนบกและในน้ำ พวกมันสามารถว่ายน้ำได้อึดนาน เพื่อเปลี่ยนจุดหากินจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง โดยมีจ่าฝูงนำทางและรองจ่าฝูงปิดท้าย นับเป็นภาพควาย (ว่าย) น้ำหากินที่ดูแล้วช่างน่าตื่นตาตื่นใจเป็นภูมิปัญญาควายไทย
ภาพโดย คุณฟองสบู่
แต่ไม่ว่าจะมาเพียงเพื่อส่องนก ตกปลา ล่าสายบัว ทัวร์ทะเลสาบ หรือซึมซาบกับควายว่ายน้ำ ทุกกิจกรรมที่กล่าวมานั้น ทางทะเลน้อยเขายินดีเปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี แต่เนื่องด้วยธรรมชาติมีการพลิกฟื้นเติบโตหมุนเวียนในตัวมันเอง การเที่ยวชมใดๆ ก็ตามจึงอาจมีฤดูกาลของตัวเอง เช่นหน้าบัวแดงก็จะเหมาะแก่การท่องเที่ยวในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ส่วนการล่องเรือชมควายน้ำ ก็อาจต้องรอในช่วงน้ำหลากประมาณเดือน ธ.ค.-ก.พ. หากแต่การเดินทางในช่วงนั้น ก็ขอให้ระวังเรื่องของลมมรสุมตามฤดูกาล ประกอบกับสภาพภูมิประเทศที่เป็นแอ่งกระทะของจ.พัทลุง หากเลี่ยงการเดินทางท่องเที่ยวไม่ได้ ก็ขอให้เตรียมรับมือกับสภาวะน้ำท่วม น้ำหลาก ในพื้นที่
แต่หากเป็นขาลุยไปไหนไปกัน ก็ขอให้สนุกสุดมันส์กับธรรมชาติที่ “ทะเลน้อย” ได้มอบให้
ภาพโดย คุณ psw2548