หนุ่มพนักงานบริษัทวัย 37ปี หันมาเลี้ยงปูนาสร้างรายได้

ทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ บ้านเขาจิงโจ้ พื้นที่ ม.9 ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง ไปยังบ้านมันปูเลขที่ 58 ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของนาย ธิติวัฒน์ สงให้ อายุ 37 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ กทม.ซึ่งใช้พื้นที่บริเวณโดยรอบของบ้านปรับปรุงเป็นพื้นที่สำหรับเลี้ยงปูนา ซึ่งดัดแปลงเป็นบ่อซีเมนต์ จำนวน 4 บ่อ บ่ออนุบาลปูที่ผ่านการทำคลอดใหม่ๆ และปูที่ลอกคราบรวมถึงปูที่ขาหัก จำนวน 9 บ่อ และยังมีการขยายบ่อเพิ่มเติมเป็นบ่อพลาสติกอีก 3 บ่อ


สำหรับการเลี้ยงปูนา เป็นการจำลองสถานที่เลี้ยงให้เหมือนตามธรรมชาติของมันให้มากที่สุด โดยการนำไม้ไผ่ กระเบื้องลอน เพื่อไว้สำหรับให้ปูนา ใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวระหว่างมีการผสมพันธ์ เลี้ยงด้วยอาหารตามธรรมชาติที่สามารถหาได้ตามท้องถิ่น เช่น จอก แหน สาหร่าย พวกผักกินยอด ได้แก่ ผักบุ้ง ผักกระเฉด และลูกกุ้ง ลูกปลา หรือบางทีอาจมีอาหารเม็ดเล็กที่ใช้สำหรับการเลี้ยงปลาดุกร่วมด้วย หากไม่มีพวกพืชน้ำ


ส่วนปูนา ที่เลี้ยงก็เป็นปูสายพันธ์พระเทพ กับสายพันธ์กำแพง ซื้อพ่อพันธ์-แม่พันธ์มาจาก จ.ราชบุรี คู่ละ 100บาท นำมาเลี้ยงเพาะพันธ์ใช้เวลาประมาณ 4 ถึง 6 เดือน ก็สามารถขายต่อได้ โดยแบ่งขายเป็นพ่อพันธ์-แม่พันธ์คู่ละ100 บาท และลูกปูตัวเล็กตัวละ 5 บาท นอกจากนี้นาย ธิติวัฒน์ ฯ ยังได้สาธิตการทำคลอดปูนาให้ดูด้วย ซึ่งวิธีการทำก็ไม่ยาก และการทำคลอดแต่ละครั้งก็ได้ปูนาประมาณ 400 ถึง 600ตัว ต่อแม่พันธ์หนึ่งตัว และนาย ธิติวัฒน์ ฯยังบอกอีกว่าแม่พันธ์ปูนาแต่ละตัวสามารถทำคลอดได้ถึง 4 ครั้งถึงจะตายไป นับเป็นรายได้ที่ลงทุนน้อยแต่สร้างกำไรได้อย่างดีทีเดียว


นาย ธิติวัฒน์ ฯ เล่าว่า สาเหตุที่ตนตัดสินใจเลี้ยงปูนา เนื่องจากปัจจุบันปูนาใกล้สูญพันธ์ ตนจึงเริ่มมีแนวคิดที่จะศึกษาเรื่องปูนาและวิธีการเลี้ยงปูนา จนกระทั่งได้มาเริ่มเลี้ยงปูนาอย่างจริงจังเมื่อช่วงเดือน ต.ค.62 ที่ผ่านมา การเลี้ยงปูนานับว่าเป็นการสร้างรายได้อีกอาชีพหนึ่งที่คนมักมองข้าม มีแต่คนชอบกินแต่ไม่มีใครคิดเลี้ยงปูนาอย่างจริงจังเหมือนกับภาคอื่นๆที่มีการเลี้ยงกันมากอยู่ในขณะนี้ การเลี้ยงปูนาเป็นอาชีพที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ไม่ต้องเรียนรู้มาก ลงทุนก็ไม่เยอะถ้าเทียบกับการลงทุนทำอาชีพอย่างอื่น ใช้เวลาการเลี้ยงแค่ 4 เดือนก็สามารถสร้างรายได้ ตอนนี้ก็มีลูกค้าส่วนใหญ่ทั้งในพื้นที่ จ.พัทลุง และจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ และ จ.ตรัง ที่สนใจมาซื้อไปทำวิจัยปูนิ่ม ของมหาวิทยาลัยราชมงคล จ.ตรังอีกด้วย.