ตำรวจเตรียมจ่อ ออกหมายจับโจรขโมยรังนกพัทลุง

เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพัทลุง ลงพื้นที่เกาะรังนก เพื่อเก็บหลักฐานดีเอ็นเอจากคนงานของบริษัท และจากวัตถุพยานหลักฐานอีกรอบ ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากพะยูน ได้ตั้งวอร์รูมทั้งบนเกาะ และที่บริเวณท่าเรือของ บ.สยามเนสท์ 2022 จำกัด ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการทำงาน ประสานข้อมูลของเจ้าหน้าที่ในการทำงานลงพื้นที่คลี่คลายคดีหาตัวกลุ่มหัวขโมยรังนกอิแอ่น

นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ก็ได้นำหัวหน้าคนงานเก็บรังนกพร้อมลูกทีม ลงถ้ำเพื่อสาธิตวิธีการเก็บรังนกตามผนังภายในถ้ำเป็นการจำลองเหตุการณ์เพื่อเก็บเปรียบเทียบข้อมูลบางอย่าง

และจากข้อมูล หลักฐานที่เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ ก็พอจะเป็นหลักฐานเชื่อมโยงไปยังกลุ่มหัวขโมยรังนกแล้วบางส่วน เบื้องต้นมีเบาะแสแล้วประมาณ 5 ราย เตรียมจ่อออกหมายจับ คาดจะสามารถขออนุมัติหมายจับได้ในวันนี้บางส่วน

ทางด้านนายพา ผอมขำ เลขานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันสองวันนี้ ทางกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ฯ ร่วมกับ อปท.ท้องถิ่น กำลังเตรียมเอกสาร และข้อมูลจากหลายๆด้าน เดินทางไปสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นหนังสือถึงกรรมาธิการ 3 คณะ ประกอบด้วยกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรรมาธิการการปกครอง และกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ให้ลงมาแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมด้วย.

กลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง นำมวลชนบุกศาลากลางทวงถามความรับผิดชอบจาก ผวจ.พัทลุง กรณีรังนกหายใครต้องรับผิดชอบ

นายเกลื่อม พูลสง แกนนำกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง นำมวลชน อปท.ท้องถิ่นทั่วจังหวัดประมาณ 300 คน บุกศาลากลางจังหวัด ทวงถามความรับผิดชอบจากนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กรณีที่มีการขโมยรังนกอิแอ่น สร้างความเสียหายหลายพันล้าน ในช่วงรอสัมปทานรังนก ทั้งที่ตลอดเวลา 88 วัน มีเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายภาคส่วนเข้าไปเฝ้าดูแล แต่กลับพบช่องโหว่ปล่อยให้มีการขโมยรังนกเกิดขึ้น ความเสียหายนี้ใครกันต้องรับผิดชอบ

ถึงแม้ในระหว่างการขึ้นเวทีปราศรัย ของกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุงจะมีฝนตกลงมาเป็นบางช่วง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค ทางกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุงก็ส่งตัวแทนผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย ประเดิมเวทีคนแรกโดย นายธานินทร์ ทองพูล อดีต สจ.เขต 2 ของ จ.พัทลุง พูดถึงที่มา และรอบของการเก็บรังนกของผู้ที่ได้รับสัมปทานรังนกไปในแต่ครั้ง

เป็นการพูดปราศรัยที่ใช้คำภาษาท้องถิ่นแต่เฉือนอารมณ์คนฟังตามสไตล์ของนายปรีชา และหลังจากนั้นก็มีผู้ร่วมปราศรัยคนอื่นๆ ร่วมขึ้นไปพูดคุยกันอีกหลายคน อาทิ นายบุญพา เกื้อทอง อดีต สจ.พัทลุง นายอุดมศักดิ์ สุวรรธนะ หรือนายหนังบู้ท นายประภักดิ์ แก้วทิพย์ หรือ สจ.จุ๊บ นายพา ผอมขำ และปิดท้ายประเด็นโดย นายเกลื่อม พูลสง แกนนำกลุ่มฯ พูดถึงการขโมยรังนก จ

นเกิดความเสียหาย ตนในฐานะภาคประชาชนคนพัทลุง รู้สึกรับไม่ได้ จึงได้นำมวลชน เข้ายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และร้องขอให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบถึงขบวนการของกลุ่ม ที่เข้ามาขโมยรังนกอิแอ่น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ หรือประชาชนที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการขโมยรังนกในครั้งนี้

พร้อมทำหนังสือไปยังกระทรวงต่างๆ ทั้ง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักนายกรัฐมนตรี และ สำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อเข้ามาช่วยกันตรวจสอบ และสาวไปถึงตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังการขโมยรังนกให้ได้ เพราะเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์โดยรวมของคนในจังหวัดพัทลุง

พร้อมยื่นข้อเรียกร้องไปยัง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ให้ออกมารับผิดชอบ และตอบคำถามความสงสัยของประชาชนคนพัทลุง ว่าเกิดเหตุการณ์การขโมยรังนกไปได้อย่างไร ในฐานะประธานคณะกรรมการสัมปทานรังนก และเป็นผู้ที่รักษาผลประโยชน์ของชาวพัทลุง ซึ่งในวันนี้ ทาง พ.อ.พิชิต โชติแก้ว รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดพัทลุง เป็นตัวแทนจังหวัดมารับหนังสือดังกล่าว

จากตัวแทนของกลุ่มฯ โดยให้เวลาทางจังหวัดภายใน 7 วัน หากยังไม่ได้รับคำตอบ ทางกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง ก็จะนำมวลชนบุกศาลากลางกันอีกครั้ง ก่อนจะแยกย้ายกันไป โดย ไม่มีเหตุความรุนแรงใดๆเกิดขึ้น และตลอดเวลาที่มีการปราศรัยของทางกลุ่มฯ ก็มีเจ้าหน้าที่ปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ เข้ามาคอยสังเกตการณ์และดูแลความเรียบร้อยอย่างต่อเนื่อง.

รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ คดีโจรขโมยรังนกอิแอ่น ยืนยันไม่น่าหนักใจ แต่ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้หาหลักฐานเพิ่มเติม

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมคณะติดตาม และ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 9 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง กองกำกับตำรวจน้ำ 7 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนในพื้นที่ สภ.เกาะนางคำ ได้ลงพื้นที่เกาะสี่เกาะห้า ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง เพื่อติดตามคดีการขโมยรังอิแอ่น ซึ่งสร้างความเสียหายประมาณ 5 พันล้านบาท

จุดแรกที่ทาง พล.ต.อ.สุชาติฯ รอง ผบ.ตร. ได้นำทีมชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงไป คือ ถ้ำลื่น เป็น 1 ใน 7 ถ้ำที่ถูกโจรแอบเข้ามาขโมยรังนก เบื้องต้นพบหลักฐานเพิ่มเติมเป็นพวกซองมาม่า ปลากระป๋อง ถุงมือที่ใช้แล้ว ซองกาแฟ และร่องรอยอื่นๆ

จุดที่ 2 คือ ถ้ำเนียงเคย ซึ่งอยู่ติดกับศูนย์บัญชาการที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐคอยจัดเวรยามเฝ้ากันอยู่ในช่วงก่อนหน้านี้ ก็พบหลักฐานเพิ่มเติมบางส่วนเช่นกัน ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่นำมาเก็บรวบรวมที่ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อนำหลักฐานที่พบวันนี้ ส่งพิสูจน์ DNA เทียบเคียงกับหลักฐานที่ทางบริษัท สยามเนสท์ 2022 จำกัด ได้เก็บรวบรวมไว้หลังจากวันที่ 9 ก.ย.64 ที่ผ่านมา พร้อมนำมาเทียบเคียงกับ DNA ของเจ้าหน้าที่บริษัท สยามเนสท์ หลังส่งมอบพื้นที่ด้วย คาดคงได้เบาะแสเพิ่มเติม แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจพิสูจน์

พล.ต.อ.สุชาติฯ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ากลุ่มคนร้ายที่เข้ามาขโมยรังนกอิแอ่นเป็นกลุ่มไหน ต้องให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ ที่เฝ้าดูแลเกาะรังนกฯ ทุกฝ่าย ส่วนความคืบหน้าของคดีรังนก ทั้ง 3 คดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็เร่งสืบสวน สวบสวนขยายผลอยู่ แต่หลังจากที่ได้เข้าไปสำรวจความเสียหายภายในถ้ำที่มีการขโมยรังนกอิแอ่นแล้ว เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่เข้ามาขโมยรังนกต้องมีความชำนาญ และมีความอดทนมาก เพราะคาดว่ากลุ่มคนร้ายต้องใช้เวลาในการเข้ามาขโมยรังนกแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 1 อาทิตย์ถึงจะเก็บรังนกไปแทบจะไม่เหลือให้เห็นเลย แต่เชื่อมั่นว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลงทำงานในวันนี้มีวิธีการสอบสวนได้ไม่ยาก แต่ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงาน เนื่องจากมีรายละเอียด ความซับซ้อนอีกมาก ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด

ทางบริษัท สยามเนสท์ เปิดเผยว่า หมู่เกาะสี่เกาะห้า จริงแล้วมีถ้ำอยู่มากกว่า 100 ถ้ำ แต่ถ้ำที่มีนกอิแอ่นอาศัยอยู่ จนสามารถเก็บรังนกได้มีเพียงไม่กี่ถ้ำ พบมากสุดใน 7ถ้ำ ตามที่เคยได้เสนอข่าวไปแล้ว แต่กลับพบว่ารังนกที่มีนั้นถูกขโมยไปเกือบหมด ซึ่งหลังจากที่ บริษัท สยามเนสท์ได้เป็นผู้รับสัมปทานไปเมื่อวันที่ 9 ก.ย.64 ที่ผ่านมา ในราคาประมูล 400 ล้านบาท ทางบริษัทฯเก็บรังนกขาวได้เพียง 39 กก. รังนกดำ 192 กก. คิดเป็นรายได้ประมาณ 3ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งรายได้จากการขายรังนกนี้ ยังไม่พอต่อการเสียภาษีในงวดแรกเลย ซึ่งมีกำหนดจ่าย ในวันพรุ่งนี้ 21 ก.ย.64 ไหนจะค่าใช้จ่ายที่บริษัทฯ ต้องใช้ในการฟื้นฟูธรรมชาติภายในถ้ำ

เพื่อให้นกอิแอ่นได้กลับมาสร้างรังอีกครั้ง เพียงแค่ผลประโยชน์ ที่เกิดจากความมักง่ายของคนไม่กี่คน แต่สร้างความเสียหายให้กับจังหวัด ให้กับคนพัทลุงโดยรวม ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่สมควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ เพราะตลอดช่วง 88 วันนั้น มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาดูแลอยู่ตลอดเวลา

และในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 21 ก.ย.64) ทางกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนจังหวัดพัทลุง ได้เตรียมมวลชนบุกเข้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง เพื่อทวงถามถึงความรับผิดชอบกรณีการขโมยรังนก จากทางผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง.

ปัญหารังนกอิแอ่นสูญหายส่อแวววุ่น ยิ่งสำรวจยิ่งเจอหลักฐานเพิ่ม แต่ไร้วี่แววความคืบหน้าเกี่ยวกับโจรขโมยรังนก

วันนี้ นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้เรียกประชุมคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอิแอ่น จ.พัทลุง ขึ้นที่ห้องประชุมโนรา ศาลากลางจังหวัดพัทลุง เพื่อติดตามความคืบหน้า หลังมีการประมูลสัมปทานรังนกอิแอ่น และ มีการลงนามในสัญญาสัมปทานฯ กันไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา ในที่ประชุมก็มีเพียงการติดตามวาระต่างๆ ในการจัดสรรงบหลังได้ผู้สัมปทานรังนกอิแอ่นรายใหม่ ไปยังหน่วยงานหลัก และ อปท.ทั้ง 72 แห่งทั่วทั้งจังหวัดพัทลุง และรายงานการร้องเรียนหลังพบร่องรอยการขโมยรังนกอิแอ่นที่ถ้ำน่องควาย เมื่อวันที่ 2 ก.ค.64

อยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.เกาะนางคำ แต่ขณะนี้ก็ยังไม่พบตัวผู้กระทำความผิด ส่วนอีกคดีก็ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน และ รอผลการตรวจพิสูจน์รังนก เช่นเดียวกับคดีที่ สภ.บางแก้ว ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการล่อซื้อรังนกอิแอ่นและจับกุมผู้กระทำผิดเป็นหญิงสาวได้ 2 ราย จับกุมได้ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.โคกสัก อ.บางแก้ว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ส.ค.64 แต่ไร้วี่แววความคืบหน้าว่ารังนกอิแอ่นหายไปได้ยังไง มีกลุ่มบุคคลไหนเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง ยังคงทิ้งเป็นคำถามให้คนพัทลุงสงสัยกันต่อไป

หลังจากตัวแทนของ บริษัทสยามเนสท์ 2022 จำกัด ได้ลงสำรวจเพื่อจัดเก็บรังนกอิแอ่น แต่ก็ต้องพบกับปัญหารังนกสูญหาย ลูกนกอิแอ่นตัวเล็กๆนอนตายเกลื่อนอยู่ภายในถ้ำ คาดต้องมีโจรเข้ามาขโมยรังนกอิแอ่นไปอย่างแน่นอน อีกทั้งยังพบหลักฐานเพิ่มเติมอีกมากมาย ที่คาดว่าน่าจะเป็นของกลุ่มคนร้ายที่เข้ามาขโมยรังนก และที่กำลังเป็นประเด็น ที่หลายคนจับตามองคือ ในช่วงระหว่างรอสัมปทานรังนก ตลอดช่วงระยะเวลา 88 วัน ทางจังหวัดและ คกก.พิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอิแอ่น จ.พัทลุง

ได้จัดกำลังคุ้มครองหมู่เกาะรังนกอิแอ่นตลอดทุกวัน มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปกครอง เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าไม้ และ เจ้าหน้าที่ของ อบจ.พัทลุง นับร้อยนายลาดตระเวนทั้งบนเกาะ และรอบชายฝั่ง ซึ่งโอกาสที่คนนอก หรือชาวบ้านจะเข้าไปยังเกาะรังนกได้เป็นเรื่องยากมาก

สูญเสียงบประมาณในการใช้จ่ายตลอดเวลา 88 วัน ไปกว่า 5 ล้าน 8 หมื่นบาท

แต่กลับพบรังนกอิแอ่นหายเกือบหมด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเกือบ 5 พันล้านบาท สุดท้ายแล้วใครต้องรับผิดชอบ

ทางด้าน นายกู้เกียรติฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีเอกสารอย่างเป็นทางการจากทางบริษัทที่ชนะการประมูลรังนก ถึงความเสียหายของรังนกที่ถูกขโมยไป แต่ตนหลังทราบข่าวก็รู้สึกเสียใจ และหลังจากนี้หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการขโมยรังนกอิแอ่น ก็ต้องดำเนินคดีอย่างแน่นอน แต่ขณะนี้ก็ยังไม่พบกลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

ล่าสุด ทางด้านนายนริศ ขำนุรักษ์ สส.ปชป เขต 3 พัทลุง ได้ออกมาเคลื่อนไหวให้มีการทำหนังสือยื่นเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอความร่วมมือจากหน่วยงาน ปปช. และ ปปท. ตั้งกรรมการ ชุดทำงานเพื่อตรวจสอบหาตัว หรือกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิด ในการปล่อยปละ ละเลย ให้มีการเข้ามาขโมยรังนกอิแอ่น ซึ่งถือเป็นการขโมยขุมทรัพย์ทางธรรมชาติของจังหวัดพัทลุง.

ข่าว #ที่นี่พัทลุง

รวบแม่บังเกิดเกล้า สั่งฆ่าลูกชาย อดีต ตร. สาเหตุมาจากคับแค้นใจที่ผู้ตายติดยาเสพติดและมักทำตัวเกเร สร้างความเดือดร้อนให้แม่อยู่บ่อยครั้ง

พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9 พร้อมด้วย พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สส.2 ภ.9 และ พ.ต.อ. เชาวลิต เพชรศรีเปีย รอง ผบก.ภ.จว. พัทลุง พ.ต.อ.ยศวรรธ์ กระจ่างวงษ์ ผกก.สส.จว.พัทลุง พ.ต.ท.ยุทธศักดิ์ เอี่ยมสุนทร รอง ผกก. สส.ภ.9 ร่วมแถลงความคืบหน้า เหตุพบศพ ส.ต.ต.ธนภัทร์ คงใหม่ อายุ 31 ปี อดีตนายสิบตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ค.64 ที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังร่วมกันนานเกือบ 4 เดือน จนสามารถติดตามและออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้ 3 ราย รวบได้แล้ว 2 ราย และกำลังหลบหนีอีก 1 ราย เบื้องต้นพบว่า 1 ใน 3 ของผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นแม่บังเกิดเกล้าของผู้ตาย เป็นผู้สั่งการโดยให้แฟนใหม่ซึ่งเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านเป็นคนลงมือ และนำศพมาทิ้งดังกล่าว


เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 9 ได้ตามรวบตัว นางสมจิตร คงใหม่ อายุ 54 ปี ได้ที่บ้านเลขที่ 100 ม.10 ต.ดอนทราย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง หลังศาลอนุมัติหมายจับพบว่า นางสมจิตรฯ เป็นผู้บงการฆ่า ส.ต.ต.ธนภัทร์ ฯ ผู้ตาย ซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆ เบื้องต้น นางสมจิตรฯ ยังให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่า ผู้ตายติดยาเสพติดอย่างหนักจนต้องออกจากราชการตำรวจ และมีพฤติกรรมก้าวร้าว ชอบทะเลาะกับแม่และญาติพี่น้องบ่อยครั้ง หากไม่ได้เสพยาเสพติดก็จะคลุ้มคลั่งทำลายข้าวของ และสุดช้ำหนัก แอบนำข้าวของ เครื่องใช้ในบ้านไปจำนำ เพื่อแลกกับเงินนำมาซื้อยาเสพติด จนผู้เป็นแม่ต้องตามไปไถ่ถอนให้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนผู้เป็นแม่ได้นำเรื่องราวไปบอกกับ นายจิตติชัย จงศิริ อายุ 56 ปี แฟนใหม่ของ นางสมจิตรฯ และเป็น อดีตผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง

หลังจากรับรู้เรื่องราวคาดว่าทางแฟนใหม่ของนาง สมจิตรฯ เกิดความไม่พอใจ วางแผนลวงผู้ตายออกมายิงจนเสียชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามแกะรอยจากเส้นทางจากบ้านผู้ตาย จนถึงที่พบศพ ว่าทางกลุ่มผู้ก่อเหตุ คืออดีตผู้ใหญ่บ้านและหลานชาย คือ นายเฉลิมเกียรติ จงศิริ อายุ 33 ปี ซึ่งยังหลบหนีอยู่ ได้แวะซื้อของใช้อย่างเช่นถุงมือ และขุยมะพร้าว อีกทั้งที่ตัวของผู้ตาย ก็พบเศษขุยมะพร้าวติดอยู่ตามใบหน้าและลำตัวด้วยเช่นกัน และนี่ก็เป็นหลักฐานที่เชื่อมโยง จนสามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุและออกหมายจับได้ทั้งหมด ส่วน นายจิตติชัย จงศิริ อายุ 56 ปี แฟนใหม่ของ นางสมจิตรฯ ได้ย่องเข้ามอบตัวแล้วเมื่อช่วงค่ำของคืนวันที่ 10 ก.ย.64 ที่ผ่านมา พร้อมรับทราบข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและฐานความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน.

ส่งมอบพื้นที่เกาะรังนกพัทลุง แทบช๊อค พบรังนกถูกขโมยเกลี้ยง

คณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ได้คืนพื้นที่สัมปทานรังนกให้กับผู้ชนะการประมูล หลังมีการเปิดประมูลไปถึง 9 ครั้ง ใช้เวลาร่วมประมูลกันยาวนานถึง 7 เดือน ล่าสุดชัยชนะก็ได้กับ บริษัท สยามเนสท์ 2022 จำกัด ในวงเงินอากร จำนวน 400 ล้านบาท ก่อนจะร่วมลงนามในสัญญาสัมปทานรังนกอีแอ่นท้องที่จังหวัดพัทลุงเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 ก.ย.64 ที่ผ่านมา และหลังจากนั้นในวันเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายได้ลงพื้นที่เกาะสี่เกาะห้า ในพื้นที่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง เพื่อส่งมอบพื้นที่และลงสำรวจถ้ำต่างๆที่นกนางแอ่นอาศัยอยู่

จากการลงสำรวจตามถ้ำต่างๆพบว่า ทุกถ้ำที่เข้าไปสำรวจแทบจะไม่หลงเหลือรังนกนางแอ่นให้เห็น มีแค่นกนางแอ่นเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงมันต้องมีรังนกนางแอ่นที่พร้อมจะเก็บได้แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ช่วงที่หมดสัญญาและรอการสัมปทานรังนกรายใหม่ ทางคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกนางแอ่นจังหวัดพัทลุง ก็ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ลงพื้นที่ดูแลความเรียบร้อย พร้อมเฝ้าระวังการขโมยรังนก แต่กลับพบช่องโหว่มีข่าวการขโมยรังนกเกิดขึ้นจริง เมื่อช่วงประมาณเดือน มิ.ย.64 ที่ผ่านมา แต่ยังหาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ และยังคงเป็นคำถามคาใจทิ้งไว้ให้กับคนพัทลุงต่อไป

นายวิสุทธ์ ธรรมเพชร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า หลังจากมีผู้รับสัมปทานรายใหม่ที่จะเข้ามาดูแล จัดการรังนกแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีทำให้คนพัทลุงมีความหวังมากขึ้น เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้มีการยื่นประมูลไปถึง 8 ครั้ง ก็ยังไม่ได้ผู้รับสัมปทาน จนในครั้งที่ 9 ตั้งราคากลางไว้ที่ 360 ล้านบาท ก็มีบริษัท สยามเนสท์ 2022 จำกัด เข้าร่วมยื่นประมูลและให้วงเงินประมูลสูงถึง 400 ล้านบาท จนชนะและได้เป็นผู้รับสัมปทานฯในที่สุด หลังจากนั้นมีการลงตรวจพื้นที่ก่อนร่วมลงนามในสัญญาสัมปทานรังนกนางแอ่นท้องที่จังหวัดพัทลุง ได้แล้วเสร็จ หลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายก็จะช่วยกันรักษารังนกนางแอ่นซึ่งเป็นทรัพยากรทางทะเล หรือเรียกได้ว่าขุมทรัพย์ทางทะเลให้อยู่กับจังหวัดพัทลุงให้ยาวนานต่อไป


ส่วนกรณีที่พบรังนกสูญหาย ทางด้าน นายวิสุทธ์ฯ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ได้ลงบันทึกไว้แนบท้ายในสัญญาแล้ว แต่ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าถ้าเราช่วยกันร่วมบูรณาการกัน เชื่อว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับคนพัทลุง และขอให้คนพัทลุงคิดดี ทำดี และมีคุณธรรม

ทางด้าน นายพิพัฒน์ อมรวัตพงศ์ ตัวแทนของบริษัท สยามเนสท์ 2022 จำกัด บอกว่า หลังจากลงสำรวจตามถ้ำต่างๆล่าสุดแล้ว รู้สึกใจหายไม่คิดว่ารังนกจะสูญหายไปได้ถึงขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ทางบริษัทที่เข้าร่วมประมูลและให้ราคาสูงเพราะคิดว่าน่าจะมีรังนกหลงเหลืออยู่พอที่จะสามารถอนุรักษ์ต่อไปได้ ถึงแม้จะมีข่าวถูกขโมยไปบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะหมดแทบจะไม่เหลือร่องรอยอะไร

ตร.บางแก้วบุกจับพ่อค้าผ้ามือสองวัย 50 ปี หลังลักลอบปลูกกัญชาไว้รอบบ้าน อ้างปลูกไว้ให้เพื่อนบ้านที่ป่วยโรคมะเร็ง

พ.ต.ท.ถาวร ทิพวารี สวป. พร้อมด้วย ร.ต.อ.ประเสริฐ วัฒน์หนู รอง สว.สส. นำกำลังตำรวจชุด ชป.พิเศษ สภ.บางแก้ว ลงพื้นที่ร่วมกันจับกุมตัวพ่อค้าขายผ้ามือวัย 50 ปี หลังสืบทราบว่าบุคคลดังกล่าวแอบลักลอบปลูก และขายกัญชาให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่มานาน

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 33 ม.9 ต.นาปะขอ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง พบเพียงพี่สาวของชายดังกล่าว ซึ่งปลูกบ้านอยู่ติดกัน นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริเวณรอบรั้วบ้าน ซึ่งลักลอบปลูกต้นกัญชาไว้แซมกับต้นไม้อื่นเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระหว่างนั้นเจ้าของบ้าน คือ นาย ปรีชา สังหาญ อายุ 50 ปี

ได้กลับมาจากทำธุระด้านนอก ก็เข้าแสดงตัวพร้อมยอมรับว่าตนได้ปลูกต้นกัญชาทั้งหมดไว้จริง แต่ไม่ได้ปลูกไว้กินเอง อ้างปลูกไว้ให้เพื่อนบ้านที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เพราะที่ผ่านมาบ้านหลังดังกล่าวมักมีกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาตลอดเวลา และกลุ่มวัยรุ่นเหล่านั้นไม่น่าจะป่วยเป็นโรคมะเร็ง ก่อนควบคุมตัวนาย ปรีชาฯ พร้อมด้วยของกลางต้นกัญชาจำนวนหนึ่ง พร้อมแจ้งข้อหา ผลิต(โดยวิธีการปลูก)และมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5(กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการปลดล็อกให้สามารถปลูกต้นกัญชาได้ แต่ต้องรวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชนและทำสัญญากับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือหน่วยงานรัฐ และนำไปใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น ห้ามใช้เสพโดยผิดกฎหมาย.

คืบหน้า เหตุพบศพสาวนิรนามถูกฆ่าแล้วนำศพห่อด้วยผ้าก่อนนำร่างมาโยนทิ้ง ชนวนเหตุคาดมาจากเรื่องหนี้สิน

จากกรณีพบศพหญิงสาวนิรนามถูกฆ่าแล้วนำศพห่อด้วยผ้า ก่อนนำร่างมาโยนทิ้งที่บริเวณป่าริมคลองชลประทาน ในพื้นที่ ม. 6 ต.นาโหนด อ. เมือง จ.พัทลุง เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงค่ำของวันที่ 2 ส.ค.64


หลังจากที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง เจ้าหน้าที่กู้ภัย พร้อมด้วยแพทย์เวรและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่างของหญิงสาวอายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้น นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ สภาพศพถูกห่อด้วยผ้าปูที่นอนหลายชั้น ก่อนใช้เชือกผูกมัดหัวท้าย ศพเริ่มส่งกลิ่นเหม็น คาดผู้ตายน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ชาวบ้านละแวกที่เกิดเหตุไม่มีใครรู้จัก หรือเคยเห็นผู้ตายมาก่อน ส่วนในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือหลักฐานอื่นที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับผู้ตายเลย

หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามลงพื้นที่สอบสวนหาข่าว และเบาะแสของผู้ตายก่อนเกิดเหตุจนกระทั่งทราบว่าผู้ตาย คือ นางสาว จิราพร เพ็ชรรัตน์ อายุ 28 ปี เป็นคนในพื้นที่ ม.7 ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง แต่ไปมีครอบครัวอยู่ในพื้นที่ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง
และในช่วงเช้าวันนี้ ทางทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ บ้านของสามีของผู้ตายในพื้นที่ อ.เขาชัยสน แต่กลับพบว่าบ้านปิดเงียบ ไม่มีใครอยู่ ต่อจากนั้นก็ได้เดินทางไปยังบ้านของผู้ตายในพื้นที่ ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง พบเพียงน้องชายของผู้ตาย ส่วนแม่ของผู้ตาย ทราบว่า ได้เดินทางไปตรวจดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ว่าตรงกับดีเอ็นเอของผู้ตายหรือไม่

ทางด้านน้องชายผู้ชาย เล่าว่า ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 30 ก.ค.64 คนทางบ้านสามีผู้ตายโทรมาแจ้งกับแม่ของผู้ตายว่า มีคนมาจับตัวผู้ตายไปจากบ้านพักในพื้นที่ของ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง หลังจากนั้นไม่นานทางกลุ่มคนร้ายได้นำโทรศัพท์ของผู้ตายติดต่อมายังแม่ เพื่อให้นำเงินจำนวน 6 หมื่นบาทไปแลกกับตัวผู้ตาย และมีการติดต่อทวงถามกันอีกหลายครั้งจนกระทั่งช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 31 ก.ค.64ทางกลุ่มคนร้ายติดต่อมาอีก และมีการพูดต่อรองให้แม่ของคนตายหาเงิน จำนวน 3 หมื่นบาท ให้เวลาแค่ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน แต่แม่ผู้ตายไม่สามารถหาเงินจำนวนดังกล่าวได้ และหลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อจากผู้ตาย จนกระทั่งมีคนมาพบเป็นศพถูกห่อด้วยผ้า และมีการใช้เชือกผูกมัดหัวท้ายก่อนนำศพมาโยนทิ้งป่าริมคลองชลประทาน

ส่วนชนวนเหตุคาดน่าจะมาจากเรื่องปัญหาหนี้สิน ที่ทางผู้ตายได้เข้าร่วมเล่นแชร์ลูกโซ่ จนเกิดปัญหาบานปลาย นำไปสู่การฆ่าล้างหนี้.

จนท.พร้อมจิตอาสา เร่งเตรียม รพ.สนามแห่งที่

นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และ นายแพทย์ดุษฎี คงตระกูลทรัพย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมสถานที่ ที่จะใช้เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ที่ศูนย์ประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง โรงแรมวังโนรา

ซึ่งในวันนี้มีกลุ่มจิตอาสา จากวิทยาลัยเทคนิคพัทลุง ทยอยนำเตียงกระดาษพร้อมประกอบเตียงและอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นเกือบ 1 ร้อยชุด เพื่อเตรียมความพร้อมรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 หลังจากพบผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุงเพิ่มขึ้นอย่างเนื่อง ประกอบกับมีผู้ป่วยติดเชื้อจากต่างจังหวัดประสงค์เดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อมารักษาตัวในพื้นที่ด้วย จึงทำให้ผู้ป่วยล้นเตียงทุกโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่งในพื้นที่ของ จ.พัทลุง แม้จะมีการเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งแรกไปแล้วเมื่อ 3วันก่อนหน้า แต่ก็ไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้อีกจำนวน 200 เตียง โดยได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆจากภาคเอกชนในพื้นที่

ขณะเดียวกันหอการค้าจังหวัดพัทลุงโดยนางสาวพสุกานต์ ลาภานุพัฒนกุล ประธานหอการค้าจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยผู้ประกอบการรุ่นใหม่ นำข้าวสาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์อื่นๆอีกจำนวนหนึ่ง มอบให้กับสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อในโรงพยาบาลสนามทั้ง 2 แห่ง


สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดขณะนี้มียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวันสูงทะลุ 100 ราย หลายวันติดต่อกัน ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการรักษาระยะห่าง และปฏิบัติตัวในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 มากนัก.

มหาวิทยาลัยทักษิณ เปิดโรงพยาบาลสนาม รอบที่ 2 หลังจากมีผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยทักษิณ ในฐานะกรรมการ และคณะทำงานหน่วยปฏิบัติการกระทรวงวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรรม หรือ “หน่วยปฏิบัติการ อว.ส่วนหน้า จ.พัทลุง” เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19” ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นและมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในภาพรวมของประเทศและในจังหวัดพัทลุงที่พบคลัสเตอร์การระบาดเพิ่มเติม

ทำให้โรงพยาพยาบาลหลักไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ทั้งหมด ประกอบกับนโยบายในการคัดกรองและจำแนกผู้ป่วยออกเป็นระดับต่างๆ รวมถึงนโยบายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ที่ประสานให้ทุกมหาวิทยาลัยเปิดโรงพยาบาลสนามทุกจังหวัดสนับสนุนการการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโดยให้ประสานงานหน่วยงานภาคีในจังหวัดนั้น ที่สำคัญมหาวิทยาลัยทักษิณ ภายใต้ปณิธาน “มหาวิทยาลัยเพื่อสังคม”

ที่ตระหนักในความจำเป็นและบทบาททางสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนำความรู้ ผลงานวิจัยและนวัตกรรมในการช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูสังคม ชุมชน การเผยแพร่ต่อยอดผลงานสู่การใช้ประโยชน์เชิงสังคม การถ่ายทอดเทคโนโลยีป้องกันโรค การผลิตเจล สเปรย์ โลชั่นแอลกอฮอล์สมุนไพร การรณรงค์ส่งเสริมสุขภาพและการรับวัคซีนผ่านนวัตกรชุมชน การจัดทำโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมแบบบูรณาการ รวมถึงการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม รอบแรกระหว่างวันที่ 21 เมษายน-27 พฤษภาคม 2564


จากสถานการณ์และความจำเป็นดังกล่าว มหาวิทยาลัยทักษิณและหน่วยงานภาคีในพื้นที่ภายใต้คณะกรรมการจัดเตรียมสถานที่รองรับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม จึงเห็นชอบร่วมกันในการเปิดโรงพยาบาลสนาม ภายใต้ชื่อ “ศูนย์น้ำใจคนเมืองลุง” รองรับผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ สามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 300 เตียง ณ สำนักส่งเสริมการบริการวิชาการและภูมิปัญญาชุมชน มหาวิทยาลัยทักษิณ ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ตั้งแต่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป


อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่อาจลุกลามขยายตัวมากขึ้น มหาวิทยาลัยทักษิณ จะร่วมมือกับองค์กรหน่วยงานในพื้นที่ในระดับจังหวัด และหน่วยงานท้องถิ่น ในการรณรงค์ เผยแพร่ความรู้ สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในการป้องกันตนเอง การปฏิบัติการแยกตัวที่บ้าน (Home Isolation) การจัดตั้งศูนย์พักคอยในชุมชน/ หมู่บ้าน (Community Isolation) เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อที่รอการส่งต่อยังโรงพยาบาล การสกัดกั้นการระบาดลุกลามของเชื้อโรคในระดับครัวเรือน/ชุมชน/ หมู่บ้าน อันเป็นการแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ การบรรเทาการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง เป็นต้น


นอกจากนี้มหาวิทยาลัยทักษิณ จะร่วมรณรงค์ส่งเสริมสนับสนุนการใช้สมุนไพรภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อป้องกันรักษาอาการเบื้องต้นของโควิด-19 เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชาย ฯลฯ ซึ่งทางสำนักส่งเสริมการบริการวิชาการและภูมิปัญญาชุมชน จะร่วมกับเครือข่ายหมอพื้นบ้านในจังหวัดพัทลุงดำเนินการจัดทำสมุนไพรต้านโควิด-19เพื่อให้กับประชาชนเข้าถึงได้ในราคาถูก เร็วๆนี้


ด้านแพทย์หญิงอภิญญา เพชรศรี นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) รองผู้อำนวยการนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า สถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากยอดผู้ติดเชื้อโควิด -19 ล่าสุดในจังหวัดพัทลุงเมื่อวานนี้ (20 กรกฎาคม 64) เพิ่มขึ้น 145 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,016 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 6 ราย ด้วยจำนวนตัวเลขที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มคลัสเตอร์โรงงานผลิตเนื้อไก่ในพื้นที่จังหวัดพัทลุงที่กระจายในทุกอำเภอของจังหวัดพัทลุง ขณะนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีกหลายราย อยู่ขั้นตอนการกักตัวตามนโยบาย


จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันกรกฎาคม 2564 มีผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว โดยโรงพยาบาลทุกอำเภอของจังหวัดพัทลุง มีผู้ป่วยโควิดกำลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอำเภอ รวม 439 ราย ได้แก่โรงพยาบาลพัทลุง 110 ราย โรงพยาบาลกงหรา 83 ราย โรงพยาบาลเขาชัยสน 48 ราย โรงพยาบาลตะโหมด 29 ราย โรงพยาบาลควนขนุน 28 ราย โรงพยาบาลบางแก้ว 22 ราย โรงพยาบาลป่าบอน 16 ราย โรงพยาบาลปากพะยูน 12 ราย โรงพยาบาลศรีนครินทร์ 11 ราย โรงพยาบาลศรีบรรพต 8 ราย และโรงพยาบาลป่าพะยอม 1 ราย ตอนนี้มีผู้ป่วยที่รับมาจากกรุงเทพและปริมณฑลแล้ว จำนวน 69 ราย หายกลับบ้านแล้ว 15 ราย ในส่วนของโรงพยาบาลสนาม “ศูนย์น้ำใจคนเมืองลุง” มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้ว จำนวน 71 ราย หญิง 43 ราย ชาย 28 ราย ส่วนใหญ่ 80% เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ มีบุคลากรทางการแพทย์ คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง


การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในจังหวัดพัทลุง ได้ตั้งเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในจังหวัดพัทลุง ทั้งหมด 297,474 ราย คิดเป็น 70% ของประชากรในจังหวัดพัทลุง โดยแบ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์แล้ว 3,432 ราย อสม. 7,700 ราย ผู้สูงอายุ 97,921 ราย กลุ่มโรคเรื้อรัง 38,985 ราย ประชาชนอายุ 18-60 ปีขึ้นไป 121475 ราย ประชาชนอายุ 12-18 ปี 27,475 ราย บุคลากรด่านหน้า 396 ราย ขณะนี้มีบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 โรค และประชาชนอายุ18-60 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรก แล้วจำนวน 41,102 ราย คิดเป็นร้อยละ 13.82 เข็มที่สอง จำนวน 14,077 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.73 มีผู้จองวัคซีนจำนวน 135,417 ราย


อนึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนกิจกรรมในโรงพยาบาลสนาม โดยร่วมบริจาคสิ่งของที่จำเป็นในการชีวิตประจำวันของผู้ป่วย อุปกรณ์ทางการแพทย์ อาหาร น้ำ ผลไม้ เครื่องดื่ม ฯลฯ ได้ที่โรงพยาบาลสนาม “ศูนย์น้ำใจคนเมืองลุง” หรือทักษิณาคาร มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง

ทั้งนี้สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร. 096 389 8943