พัทลุง_พบคลัสเตอร์ใหม่ในงานศพทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกระลอก

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุง ยังพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ในเกือบทุกอำเภอ โดยเฉพาะอำเภอควนขนุน อำเภอเขาชัยสน อำเภอป่าพะยอม ภและอำเภอเมือง สาเหตุจากการรวมตัวภายในงานต่างๆโดยเฉพาะงานศพ และการไม่นับผิดชอบของบุคคลบางกลุ่ม

ล่าสุด พบคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นในงานศพพื้นที่ ตำบลหานโพธิ์ อำเภอขัยสน พบผู้ติดเชื้อกว่า 60 ราย จากการตรวจคัดกรองเชิงรุก มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงใกล้ชิดผู้ป่วย จากงานศพดังกล่าวฯ นอกจากนอกนั้นได้ขอความร่วมมือผู้ที่ร่วมงานศพ ตำบลหานโพธิ์ อำเภอเขาชัยสน กักตัวเพื่อรอดูอาการเป็นเวลา 7 วัน หากมีพบมีอาการไข้สูงรีบพบแพทย์ทันที

ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นสูงมากขึ้นทุกวัน ทำให้ยอดสะสมผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว 12,374 ราย เสียชีวิตจำนวน 100 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยผู้สูงอายุไม่รับการฉีดวัคซีน และติดเชื้อจากบุคคลใกล้ชิดภายในครอบครัว

ขณะเดียวกันคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพัทลุง ได้มีการประชุมล่าสุดมีมาตรการผ่อนคลาย เปิดสนามชนโค สนามชนไก่ สนามกัดปลา สนามแข่งนก หรือสนามการแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน ให้สามารถเปิดดำเนินการและให้บริการได้ตามความเหมาะสม เมื่อมีความพร้อมโดยต้องปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติของสถานที่และกิจกรรมมาตรการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อโควิด – 19 ภายใต้มาตรการความปลอดภัยสำหรับองค์กร ( COVID Free Setting ) และกฎระเบียบราชการต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ส่วนรถขนส่งสาธารณะเช่นรถตู้โดยสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ตามที่ขนส่งกำหนด แต่ต้องใช้มาตรการป้องกันโรคโควิด – 19 อย่างเข้มงวด และต่อจากนี้คณะกรรมการโรคติดติดจังหวัดพัทลุง รอผลการประชุม ของ ศบค.ส่วนกลางอีกครั้ง ถึงเรื่องการเปิด ผับ บาร์ ในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อผ่อนคลายผู้ประกอบธุรกิจต่อไป.

เคราะห์ซ้ำ รถบรรทุกเบรกแตกชนกับรถโรงพยาบาลที่กำลังพาคนไข้ไปรักษา

เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือคนเจ็บจากอุบัติเหตุ รถบรรทุกหกล้อเบรกแตก เสียหลักชนกับรถโรงพยาบาลที่กำลังพาคนไข้ไปรักษา เหตุเกิดบนถนนสาย พัทลุง-ตรัง ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง ในที่เกิดเหตุพบรถโรงพยาบาลย่านตาขาว จ.ตรัง ถูกชนเข้าด้านท้ายไถลไปอยู่บนเกาะกลางถนน ซึ่งภายในรถคันดังกล่าวมีทั้งผู้ป่วย ญาติ และเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำรถ

โชคดีที่แต่ละคน ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ห่างออกไปพบรถบรรทุก 6 ล้อ ป้ายทะเบียน 80-8666 พัทลุง จอดเสียหลักอยู่ทางเลนส์ซ้าย ในสภาพด้านหน้าพังเสียหาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะเร่งช่วยกันนำตัวผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่พยาบาลของโรงพยาบาลย่านตาขาวเพื่อเปลี่ยนรถนำผู้ป่วยส่งต่อโรงพยาบาลพัทลุงต่อไป

ทางพนักงานขับรถของโรงพยาบาลย่านตาขาว เล่าว่า ตนกำลังขับรถพาผู้ป่วยจิตเวชเพศชาย ซึ่งในรถนั้นมีทั้งญาติของผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำรถ เพื่อนำตัวผุ้ป่วยจากโรงพยาบาลย่านตาขาว ไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลจิตเวช ในพื้นที่ของ จ.สงขลา ระว่างที่จอดรอสัญญาณไฟแดง ได้มีรถบรรทุก 6 ล้อ เสียหลักมาชนท้ายเข้าอย่างจัง จนทำให้รถไถลไปอยู่บนเกาะกลางถนน ด้านท้ายพังยับ แต่โชคดีที่คนในรถทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ด้านนายเฉลิมพล ทิพย์สิงห์ อายุ 47 ปี คนขับรถบรรทุก ซึ่งยังอยู่ในอาการตกใจ เล่าว่า ตนได้ขับคันดังกล่าวรถกลับจากส่งหมู กำลังขับรถกลับบ้านในพื้นที่อำเภอป่าพะยอม แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นช่วง ที่รถติดสัญญาณไฟแดงกันอยู่ ตนก็พยายามเบรกแต่เบรกไม่อยู่ บวกกับขณะนั้นมีฝนตก ทำให้ถนนลื่น จนเสียหลักไปชนเข้ากับรถของโรงพยาบาลที่จอดติดไฟแดงอยู่ จนกระทั่งมีคนได้รับบาดเจ็บ.

คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้านผู้สมัคร ส.อบต.ท้องถิ่นพนมวังก์ ล่าสุดคนก่อเหตุเข้ามอบตัวแล้วอ้างแค่เมา ไม่เกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงปืนและเข้าตรวจสอบเหตุพื้นที่บริเวณริมถนนสายหลักสิบ – ควนน้อย พื้นที่ ม.3 ต.พนมวังก์ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จุดเกิดเหตุเป็นบ้านของนายสมใจ นุ่นยัง อายุ 53 ปี ผู้สมัครสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลพนมวังก์ หมายเลข 1 เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 14 พ.ย.64 ซึ่งในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนขนาด 11 มม.จำนวน 5 ปลอก ก่อนเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจสอบจุดดังกล่าวไม่มีอะไรได้รับความเสียหาย และใครบาดเจ็บ คาดน่าจะเป็นเพียงการยิงข่มขู่เท่านั้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดที่เกิดเหตุเพื่อติดตามคนก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ล่าสุดเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา คนร้ายที่ก่อเหตุยิงปืนคนดังกล่าว ได้เดินทางเข้ามอบตัวแล้ว ทราบชื่อคือ นายปิยวัฒน์ คงชู ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ มากมา พนักงานสอบสวน สภ.นาขยาด พร้อมด้วยอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ อ้างเมาจนขาดสติ เลยควักปืนที่พกติดตัวออกมายิง แต่ไม่ได้ตั้งใจจะยิงใคร และไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกับใครในประเด็นทางการเมืองด้วย
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัว พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมแจ้งข้อหา พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร.

รมต.คมนาคม ลงตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาของกรมทางหลวงชนบท พร้อมรับฟังความต้องการของประชาชนในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง

วันนี้ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังการบรรยายสรุป “โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาของกรมทางหลวงชนบท (ทช.)” พร้อมทั้งพบปะกับประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางสัญจรในพื้นที่ รวมทั้งภาคขนส่งเพื่อสนับสนุนในด้านพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม การบริการ และการท่องเที่ยวของจังหวัด

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชน รวมถึงการยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของประชาชน กรมทางหลวงชนบทจึงได้ดำเนิน “โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อำเภอกระแสสินธุ์, เขาสนชัย จังหวัดสงขลา, พัทลุง” เพื่อให้สอดรับกับนโยบาย โครงการนี้มีจุดเริ่มต้นบริเวณทางแยกจากถนน พท. 4004 (กม.ที่ 3+300) บ้านแหลมจองถนน ต.จองถนน อ.เขาสนชัย จ.พัทลุง

วางแนวข้ามทะเลสาบสงขลาไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และมีจุดสิ้นสุดที่ถนน อบจ.สงขลา บ้านแหลมยาง ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา รวมระยะทางทั้งสิ้น 7 กม. โดยสะพานมีขนาด 2 ช่องจราจร (สามารถขยายเป็น 4 ช่องจราจรได้ในอนาคต) และมีรูปแบบสะพานที่เหมาะสม คือ สะพานคานขึง (Extradosed Bridge) และสะพานคานคอนกรีตรูปกล่องความหนาคงที่ (Box Segmental Bridge) ซึ่งสถานะปัจจุบันได้ออกแบบแล้วเสร็จและผ่านการพิจารณาเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ กรมทางหลวงชนบทจะดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าก่อสร้างต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี โดยมีมูลค่าโครงการ 4,635 ล้านบาท

นายอภิรัฐ กล่าวต่อว่า โครงการนี้สามารถร่นระยะการเดินทางได้มากกว่า 80 กิโลเมตร หรือระยะเวลาในการเดินทางได้ประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งจะรองรับถนนเพื่อการท่องเที่ยวโดยรอบทะเลสาบสงขลาพร้อมทั้งสนับสนุนและอำนวยความสะดวกด้านพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม ส่งเสริมการขนส่งโลจิสติกส์ เพื่อเชื่อมโยงทะเลอันดามัน – อ่าวไทย ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ช่วยลดอุบัติเหตุให้กับผู้ใช้ทางอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ อันจะก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ก่อนที่จะลงเรือไปดูพื้นที่การก่อสร้างสะพาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้หยอดมุกอ้อนทิ้งท้ายพี่น้องชาวพัทลุง พร้อมแซวนายนริศ ขำนุรักษ์ สส.เขต3 พรรคประชาธิปัตย์ ว่าทางพรรคยินดีที่จะให้ นายนริศฯ เข้าร่วมพรรคด้วยหากสนใจ.

พัทลุง_นาทีชีวิต…คนขับรถยนต์เก๋งพร้อมคนนั่งข้างมองไม่เห็นทางเสียหลักพุ่งลงคูน้ำไหลเชี่ยว ชาวบ้านเร่งช่วยเหลือขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย

ช่วงก่อนเที่ยงที่ผ่านมา เกิดเหตุรถยนต์เก๋งฮอนด้าอัลติส สีบรอน ป้ายทะเบียน กจ_7575พัทลุง เสียหลักพุ่งลงคูซึ่งมีน้ำไหลเชี่ยว เหตุเกิดบริเวณร่องคูน้ำติดกำแพงวัดพังดาน พื้นที่ ม.2 ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งสภาพรถกำลังไหลไปตามน้ำ ภายในรถมีทั้งคนขับ และคนนั่งข้างนั่งอยู่ด้วย ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์บริเวณใกล้เคียงต่างรีบเข้าไปช่วยเหลือ จนสามารถช่วยทั้งสองคนออกมาได้อย่างปลอดภัย

ซึ่งคลิปนาทีชีวิตนี้ มีผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ชื่อว่า โก เลี๊ยก พันธุ์หญ้า หรือ นาย ศุภกฤษณ์ ศรีชุมพวง อายุ 33ปี เป็นคนนำคลิปมาลงไว้ จนมีคนเข้าไปดูและแชร์กันเป็นจำนวนมาก

นายศุภกฤษณ์ฯ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถตามหลังรถยนต์เก๋งคันที่เกิดเหตุ อยู่ๆรถเก๋งคันดังกล่าวก็เสียหลักลงไปในร่องน้ำ ตนจึงหยุดรถและเรียกขอความช่วยเหลือจากบ้านละแวกนั้นให้เข้ามาช่วยเหลือ จนคนในรถทั้งสองสามารถออกจากตัวรถและขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนรถยนต์ทางเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยนาขยาดก็ได้มายกรถขึ้นจากน้ำได้เป็นที่เรียบร้อย

ส่วนสาเหตุเบื้องต้น คาดว่า ทางคนขับรถมองไม่เห็นทาง ทำให้รถเสียหลักลงร่องน้ำดังกล่าว

รวบ3 ผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติด อาวุธปืนสงครามอีกเพียบ คาดเอี่ยวเหตุยิงถล่มบ้านในพื้นที่อ.ควนขนุนเมื่อ4วันก่อน

พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิรัตน์ จีนเมือง หน.ชปส.ภ.จว.พัทลุง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุด สนธิกำลังร่วมกับ ตร.ชุด กก.3 บก.ปส.4 บช.ปส. ตร.ชุดสืบสวน สภ.ทะเลน้อย และ ตร.ชุดสืบสวน สภ.ควนขนุน เข้าตรวจค้นแหล่งมั่วสุมในพื้นที่ ม.1 ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน รวบผู้ต้องหาได้ 3 ราย คือ นายอนุวัตร หรือหนึ่ง แดงทองใส อายุ 33 ปี นายฤทธิชัย หรือ มาย ดำดี อายุ 25 ปี และ นายสิทธิพงษ์ หรือ แกรด ทองนวล อายุ 34 ปี

พร้อมของกลาง อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนสงครามอาร์ก้า จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 25 นัด อาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 3 กระบอก กระสุนปืน 83 นัด เครื่องกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 7 นัด และเครื่องกระสุนปืนขนาด .38 อีกจำนวน 8 นัด อาวุธปืนพกสั้นขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 15 นัด นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถตรวจยึดยาบ้าได้อีกจำนวน 6 พันเม็ด อุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังตรวจยึด รถ จยย จำนวน 1 คัน รถยนต์กระบะอีซูซุ 4 ประตูสีขาว จำนวน 1 คัน จากการตรวจสอบพบใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอมอีกด้วย

จากการตรวจสอบ พบว่าจุดดังกล่าวเป็นแหล่งมั่วสุมของกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ และยังเป็นแหล่งเก็บอาวุธปืนและจุดพักยาเสพติด โดยใช้บ้านไม้สภาพเก่า ประตูหน้าบ้านทั้งสองบานถูกล๊อคกุญแจปิดสนิท แต่ด้านข้างของบ้านดัดแปลงให้เป็นช่องเล็กๆพอลอดผ่านไปได้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ในการเข้าตรวจสอบ โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 รายที่ถูกจับได้ อ้างว่าของกลางทั้งหมดที่พบทั้งอาวุธปืน และยาเสพติดนั้น ไม่ใช่ของพวกตน แต่มีเพื่อนที่ชื่อ นายแป๊ะ ว่าจ้างให้มาดูแลเท่านั้น ส่วนอาวุธปืนสงครามจะมีคนเข้ามาเอาออกไปช่วงเวลาค่ำของทุกวัน แต่พวกตนไม่ทราบว่าเอาไปไหน

และจากการสอบสวนเพิ่มเติมพบว่า ผู้ต้องหา 2 ใน 3 รายที่ถูกจับเพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติดมาได้ไม่นาน บางรายยังใส่กำไลข้อเท้าอยู่เลย

ทางด้าน พล.ต.ต.ตานิตย์ ฯ ผบก.ภ.จว.พัทลุง กล่าวว่า สำหรับอาวุธปืนสงครามทั้ง2 กระบอกที่ตรวจพบ หลังจากนี้จะนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าเคยใช้นำไปก่อเหตุในพื้นที่ใดมาบ้างหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.64 ที่ผ่านมาในพื้นที่ของ อ.ควนขนุน ได้มีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง และจะเร่งเรียกตัวนายแป๊ะ บุคคลที่ทางกลุ่มผู้ต้องหาให้การซัดทอดว่าเป็นเจ้าของอาวุธปืน และของกลางยาเสพติดทั้งหมดมาสอบสวนเพิ่มเติมอีกด้วย.

ตร.ไซเบอร์ลุยจับเครื่องสำอางเถื่อน 5 แห่งใน จ.พัทลุง ตรวจยึดเครื่องสำอางเถื่อนไม่ผ่าน อย.มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท

พ.ต.อ. กู้เกียรติ วงศ์พันธุ์ ผกก. 4 บก.สอท.5 และ พ.ต.ต.คมสัน สมอ่อน สว.กก.4 บก.สอท.5 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัช สำนักสาธารณาสุขจังหวัด เข้าตรวจค้นบ้าน ของนางสาวนันยณา ขุนณรงค์ อายุ 40 ปี หลังจากมีการร้องเรียนจากผู้ใช้สินค้าเครื่องสำอางหลายราย ว่าบุคคลดังกล่าวมีการโพสต์ขายสินค้า ที่ไม่มีคุณภาพผ่านออนไลน์และเฟสบุ๊ค เมื่อมีผู้ใช้แล้วใช้เกิดอาการแพ้ ผื่นคัน และบางรายถึงขั้นผิวอับเสบ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ

หลังเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียน และเข้าตรวจสอบ พบว่ามีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเถื่อน สินค้าและเครื่องสำอาง ที่นำมาจำหน่ายไม่มีการจดแจ้งเลขที่ อย. จุดที่เข้าตรวจค้นมี 5 แห่งด้วยกัน คือ บริเวณบ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตรงบริเวณซอย 10 ถ.อภัยบริรักษ์ อ.เมืองพัทลุง และบริเวณห้องเช่าอีกจำนวน 2 หลัง ปากทางเข้าหมู่บ้านดังกล่าว นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังได้ขยายผลเข้าค้นบ้านญาติที่อำเภอเขาชัยสนอีก จำนวน 1 จุด

ซึ่งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางส่วนใหญ่ที่พบ เป็นเครื่องสำอางประเภทบำรุงผิวพรรณหลากหลายชนิด ทั้งทีมียี่ห้อ และไม่มียี่ห้อแสดงที่ผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญบริเวณบ้านพักของนางสาวนันยณา ฯ ยังพบเป็นที่ผลิตวัตถุดิบที่ผสมเองพร้อมกระปุกเตรียมบรรจุภัณฑ์ ที่วางจำหน่ายตามร้านๆให้กับลูกค้า ซุกซ่อนไว้ภายในบ้านพักเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าเครื่อสำอางทั้งหมดที่พบมีมูลค่าสูงถึงเกือบ 10 ล้านบาท

ทางเจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัช สำนักสาธารณาสุขจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะนำผลิตภัณฑ์ทุกตัวไปตรวจสอบคุณภาพ หากพบสารปนเปื้อนที่ทำให้เกิดอันตราย ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ นางสาวนันยณาฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับลูกค้า หรือผู้เสียหายที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆแล้วเกิดผลข้างเคียงก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเอาผิดกับนางสาวนันยณา ฯได้เช่นกัน.

พัทลุงฝนตกหนักต่อเนื่อง จังหวัดเร่งประชุมเตรียมความพร้อม และเตือนชาวบ้านที่ลุ่มต่ำระวังน้ำท่วมฉับพลัน

พื้นที่ของ จ.พัทลุง มีฝนตกหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.64 ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมหลากเข้าท่วมเส้นทางบ้างแล้วในบางจุดเนื่องจากน้ำระบายไม่ทัน ด้านจังหวัดและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พัทลุง ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ในเขตพื้นที่เสี่ยงแล้ว เพื่อเฝ้าระวังระดับน้ำพร้อมแจ้งเตือนภัยหากพื้นที่นั้นๆ มีความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะพื้นที่ริมเทือกเขาบรรทัด และพื้นที่ลุ่มต่ำ

และในวันนี้ นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมด่วนในการเตรียมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดพัทลุง เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศ ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 คาดการณ์ในช่วงวันที่ 10 ถึงวันที่ 13 พ.ย.64นี้ จะมีมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ มีกำลังแรงทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนัก

พื้นที่เสี่ยงของจังหวัดพัทลุง ได้แก่ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมเทือกเขาบรรทัด เช่น ใน อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ.ศรีนครินทร์ และ อ.ศรีบรรพต ซึ่งฝนที่ตกหนักต่อเนื่องหลายวัน จะทำให้ดินอุ้มน้ำไว้เยอะ และมีการกัดเซาะดิน เสี่ยงดินภูเขาสไลด์ และอาจเกิดน้ำป่าหลากได้ นอกจากนี้พื้นที่ ที่มีน้ำท่วมซ้ำซาก หรือพื้นที่ลุ่มต่ำ อย่างเช่น ในพื้นที่ ของ อ.เมือง อ.ควนขนุน และ อ.เขาชัยสน ชาวบ้านก็ต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นฝายอีกด้วย


ซึ่งในส่วนของจังหวัดเองก็ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ไว้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นศูนย์สั่งการประสานงาน และมีศูนย์ปฏิบัติการร่วม อบจ.ส่วนหน้าอีก 2 เขต มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะนี้ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ทั้งรถบรรทุก รถกู้ชีพ รถแบ็กโฮ เรือท้องแบน เรือยาง เครื่องสูบน้ำ และอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมสำรองกำลังเจ้าหน้าที่ไว้เกือบ 100 นาย

ด้านนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า การเตรียมความพร้อมในปีนี้ ถือว่ามีความพร้อมสูงสุด โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างๆ ได้มีการขุดลอกคูคลองเตรียมการระบายน้ำ มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ที่บริเวณที่ต่ำลุ่มเขตเศษรฐกิจโดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองพัทลุง แล้วจำนวน 13 จุด นอกจากนี้ ได้ประสานงานกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตสงขลา ซึ่งหากเกิดอุทกภัย วาตภัย เกินกำลังที่หน่วยงานในจังหวัดพัทลุงจะรับมือได้ ก็สามารถขอรับการช่วยเหลือได้ทันที ขณะเดียวกันตอนนี้ได้จัดตั้งวอลรูมที่ศาลากลางจังหวัดพัทลุง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประชุมและหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ขณะเดียวกันกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มอบหมายศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ในเขตพื้นที่เสี่ยงเพื่อเฝ้าระวังระดับน้ำ และแจ้งเตือนภัย บริเวณอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 แห่ง คือ อ่างเก็บป่าพะยอม อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส และอ่างเก็บน้ำป่าบอน ขณะนี้ยังสามารถเก็บน้ำได้เป็นจำนวนมาก และหลังจากนี้หากมีสภาพฝนตกหนักเหนืออ่างเก็บน้ำ ก็จะทำการพร่องน้ำเพื่อรองรับน้ำฝนที่จะไหลเข้าอ่างเก็บอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้เตรียมสถานที่อพยพผู้ประสบภัยไว้แล้วด้วย โดยจะใช้อาคารสถานที่ของทางส่วนราชการที่ใกล้จุดพื้นที่เสี่ยงนั้นๆ.

เจ้าของคลิปเสียงสั่งขโมยรังนกมอบตัวอ้างแค่พูดเล่นๆ

เกาะติดความคืบหน้าการคลี่คลายคดีขโมยรังนกอีแอ่นเกาะสี่เกาะห้า จังหวัดพัทลุง มูลค่าหลายพันล้านบาทที่มีการออกหมายจับและหมายเรียกบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งมีทั้งประชาชน และข้าราชการระดับนายอำเภอในพื้นที่โดยมีพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่รับคำสั่งจากพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้เข้ามาคลี่คลายคดีร่วมกับพล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์. รอง ผบ.ตร.ยังคงปักหลักติดตามคดีอยู่ที่จ.พัทลุงเพื่อสร้างความกระจ่างโดยเร็ว

ล่าสุด วันนี้( 4 พ.ย.64) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ตานิษย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภจว.พัทลุง นำเจ้าหน้าที่ทีมสืบสวนลงพื้นที่เกาะรังนก ในพื้นที่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูนอีกครั้ง เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมบางอย่าง หลังจากที่มีการขยายผลการสืบสวนจากการสอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและข้อมูลที่ได้มาจากกลุ่มบุคคลตต่างๆที่เข้ามอบตัว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้ไม่มีความหนักใจ หรือกังวลอะไรเลย แต่ขอเวลาให้ทางชุดสอบสอบได้มีเวลาทำงานกันสักระยะ เพราะข้อมูลบางอย่างต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร แต่ขอให้เชื่อมั่นว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทุกชุดที่ทำงานบูรณาการร่วมกัน ต่างฝ่ายต่างเร่งทำงานกันอย่างสุดความสามารถขอให้อดใจรอ ส่วนจะสาวไปถึงตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังได้แค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานในชั้นสอบสวนว่ามีข้อมูลมากน้อยเพียงใด

ส่วนการจับกุมกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องในรอบที่ 3ซึ่งเข้าใกล้คนสั่งการหรือผู้บ่งการนั้น เบื้องต้นทุกคนยังให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน อ้างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ซึ่งก็มีความยากในการขยายผลต่อ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็มีหลักฐานสำคัญที่พร้อมจะเอาผิดข้าราชการในรอบนี้ได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า ในการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีเกาะรังนกนั้นมีการใช้ห้องประชุมกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.พัทลุงเป็นสถานที่ซักข้อมูล โดยในแต่ละวันมีข้าราชการที่ถูกออกหมายเรียกในรอบที่3 เดินทางมาพร้อมกับทนายความเพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่าวันนี้มีเพิ่มเติมอีก 3 รายและเป็นบุคคลที่เป็นเจ้าของคลิปเสียงปริศนาที่สั่งการให้มีการเปิดทางให้กลุ่มคนเข้าไปขโมยรังนกก่อนหน้านี้ด้วยโดยจากการสอบสวนทั้งหมดยอมรับว่าเป็นเสียงของตนเองจริงแต่เป็นเพียงการพูดหยอกล้อกันในกลุ่มเพื่อนร่วมงานเท่านั้น

คลิปเสียง

ตชด.434พัทลุงเปิดปฏิบัติการติดตาม ตัดตอน ขบวนการค้ายานรก

ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านการสกัดและปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะในพื้นที่ทางภาคใต้ซึ่งทางกลุ่มนักค้ายามักใช้เป็นเส้นทางลำเลียงและจุดพักยาเสพติดบ่อยครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจำเป็นต้องเร่งปราบปรามจับกุม และสกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดในอนาคต

ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้ได้บูรณาการร่วมกัน ทั้งในส่วนของตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 ชุดการข่าว กอ.รมน.และ ตำรวจท้องที่ สภ.ทุ่งสง
ร่วมกันสืบสวนขยายผลจับกุมขบวนค้ายาเสพติดรายสำคัญทั้งในพื้นที่ จ.พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช สืบเนื่องมาจากการจับกุมไอ้ไข่นุ้ย หรือ นายนุรักษ์ สังข์ช่วย พร้อมของกลางยาเสพติดหลายหมื่นเม็ด เมื่อวันที่ 27 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งเครือข่ายค้ายารายสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ หลังจากนั้นก็มีการสืบสวน สอบสวนขยายผลต่อเนื่อง จนกระทั่งตามรวบ นายปริวรรต ปานอ่อน หรือฉายากาย ทุ่งสง และ นายศราวุธ จันทร์ชู หรือ เคทุ่งสง

โดยสามารถตรวจยึดรถยนต์ฮอนด้า แอคคอดสีขาว ป้ายทะเบียน กง-1802 ประจวบคีรีขันธ์ เป็นรถของนายกาย ฯ ที่ใช้เป็นรถนำทางในการขนย้ายลำเลียงยาเสพติดมาในพื้นที่ทางภาคใต้ ก่อนที่นายกายฯ จะมีการซัดทอดไปยังเครือข่ายอีกรายในพื้นที่ ของ อ.ทุ่งสง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงวางแผนเพื่อเข้าจับกุม แต่เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านของนายศักดิ์อนันต์ แก้วลำหัด หรือบ่าว ในพื้นที่ ม.7 ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ทางเจ้าของบ้านไหวตัวทันวิ่งหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พบอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนอีกเพียบ ทั้งอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนยาวลูกกรด ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก ปืนเล็กกล ( AK47) จำนวน 1 กระบอก ปืนพกออโตเมติก(CZ) จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนชนิดต่างๆรวม 171 นัดอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ก่อนเข้าตรวจค้นขนำไม่มีเลขที่อีกหลังอยู่ห่างจากบ้านของนายบ่าวประมาณ 500 เมตร พบยาเสพติดชนิดไอซ์ น้ำหนักประมาณ 882.1 กรัม และ ยาบ้า จำนวนกว่า 5 แสน 8 หมื่นเม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องน้ำของขนำ ก่อนตรวจยึดของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งสง เพื่อดำเนินคดีและเร่งติดตามตัวนายศักดิ์อนันต์ หรือบ่าว มาสอบสวนถึงที่มาของอาวุธปืน และยาเสพติดทั้งหมดที่พบ เพื่อติดตาม ทำลายเครือข่ายค้ายานรกนี้ต่อไป.