แม่หนูน้อยวัย3ขวบออกมาแฉ หลังโรงเรียนเอกชนชื่อดังในพัทลุงปล่อยปละละเลย เด็กล้มหัวฟาดฟื้นบวมโนแต่ไม่ยอมพาไป รพ. ด้าน ผอ.โรงเรียนออกมายอมรับผิดพร้อมยืนยันจะรับผิดชอบทุกกรณี

คุณแม่ของหนูน้อยวัย 3 ขวบ ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายโมงของวันที่ 17 ก.พ.64 ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ว่า ลูกชายของตนไปเรียนตามปกติ ช่วงเย็นตนก็ไปรับลูกเวลาประมาณ 16.00 น. ขณะที่รับลูกกลับบ้านก็สังเกตุเห็นหน้าผากของลูกบวมปูด ก็ถามลูกว่าหน้าผากไปโดนอะไรมา ทางคุณครูก็บอกแม่ว่า ลูกหกล้มหัวฟาดพื้น แต่ครูใส่ยาปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แล้วนะ ตนก็รู้สึกตกใจ เพราะลูกเริ่มมีอาการซึม ไม่ร่าเริงเหมือนในทุกวัน จึ

งรีบพาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชน ก่อนมีการส่งตัวหนูน้อยวัย3ขวบไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลพัทลุง และระหว่างนั้นเด็กมีอาการเกร็ง มีไข้สูง ช๊อคหมดสติ จนแพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จนกระทั่งอาการเริ่มดีขึ้น หนูน้อยต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพัทลุง นานเป็นเวลา 3วัน ล่าสุดกลับบ้านได้แล้ว

หลังจากนั้นทางผู้ปกครองของหนูน้อยวัย 3 ขวบ ได้เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดกับทางโรงเรียนที่ปล่อยปละละเลยเด็ก และเพื่อทวงถามความเป็นธรรมให้กับลูก ซึ่งแม่เด็กเล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า หัวอกคนเป็นแม่ ก็ตกใจที่เห็นสภาพลูกในครั้งแรก และไม่เข้าใจว่าทำไมทางโรงเรียนถึงไม่แจ้งผู้ปกครองตั้งแต่ตอนแรกที่ลูกหกล้มจนหน้าผากบวมโน ไม่อย่างนั้นลูกชายตนคงไม่ต้องช๊อคจนหมดสติไป นาทีนั้นหัวอกคนเป็นพ่อ แม่ ทำอะไรไม่ถูกเลย อีกอย่างครูประจำชั้นปล่อยเวลาเนิ่นนานถึงเกือบ4ชั่วโมง จนกระทั่งผู้ปกครองเด็กมารับถึงทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งทางครูประจำชั้นอ้างว่าเกรงใจผู้ปกครองเลยไม่แจ้งให้ทราบตั้งแต่ต้นและล่าสุดยังมีผู้ปกครองของเด็กอีกราย ออกมาแฉพฤติกรรม ของครูและโรงเรียนดังกล่าว ว่า ทางโรงเรียนมีข้อบกพร่องหลายอย่างในการดูแลเด็กอนุบาล

ซึ่งดูแล้วไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงที่เคยประชาสัมพันธ์ไว้ให้ผู้ปกครองทราบตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการเรียนในห้องแอร์ การที่ปล่อยให้เด็กอนุบาลทั้งชายหญิงเดิน แก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่ภายในห้องเรียนบ้าง ซึ่งเป็นภาพที่เห็นแล้วดูไม่เหมาะสมแม้จะเป็นเด็กก็ตาม พอตนเข้าไปพูดคุยกับผู้บริหาร แต่กลับถูกปฏิเสธและถูกกดดันไล่หลานออกจากโรงเรียน ทั้งที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ที่ให้ลูก หลานมาเรียนที่นี่ ต้องยอมจ่ายค่าเทอมในราคาที่สูงกว่าโรงเรียนอื่น

ทางด้าน นางอุบล สงเนียม ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลบ้านเด็ก ก็ออกมายอมรับผิด และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมขอโทษผู้ปกครอง และยืนยันจะรับผิดชอบทุกกรณี หลังจากเกิดเหตุการณ์ก็ได้เรียกครูทั้งหมด รวมไปถึงครูประจำชั้นของหนูน้อยวัย 3 ขวบ ซึ่งครูคนดังกล่าวก็ยอมรับผิดที่ไม่ยอมโทรแจ้งผู้ปกครองเด็กให้ทราบตั้งแต่ต้น เพราะคิดว่าเด็กไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกอย่างหลังเกิดเหตุก็หายาทาและปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เด็กแล้วด้วย และล่าสุดทราบว่า ครูประจำชั้นได้ยื่นหนังสือลาออกจากโรงเรียนแล้วเรียบร้อย
ส่วนประเด็นที่ว่า

ทางโรงเรียนไล่เด็กออก ทางด้าน นางอุบล ฯ กล่าวว่า คงจะเป็นการสื่อความหมายไม่ตรงกัน และเกิดการเข้าใจผิดพลาด แต่ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับทางผู้ปกครองจริงว่า หากทางโรงเรียนบกพร่องในการดูแลเด็ก ทางผู้ปกครองก็สามารถพาเด็กไปเรียนที่อื่นได้ แต่ยืนยันไม่มีเจตนาไล่เด็กออกอย่างแน่นอน.

ลุงวัย 64 ปี ขี่ จยย. เลี้ยวตัดหน้าโดนรถกระบะชนดับคาที่

พ.ต.ท.ศิริพงศ์ สุขแก้ว สารวัตรเวร สภ.เมืองพัทลุง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ บนถนนสายควนปรง-ท่ามิหรำ หน้าปั๊มน้ำมันประชารัฐ บ้านควนปรง ต.ท่ามิหร่ำ อ.เมือง จ.พัทลุง หลังได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รถกระบะชนกับ รถ จยย. ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นเพศชายหนุ่มกางเกงขาสั้นเสื้อยืดคอกลมสีดำนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่กลางถนน เลือดไหลนองเต็มพื้นถนน แขนขาผิดรูป

ทราบชื่อคือ นาย สมคิด เพ็งหนู อายุ 64 ปี ใกล้กันพบรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงินไม่ติดป้ายทะเบียนของผู้เสียชีวิต พลิกคว่ำอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้าม และมีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สี่ประตูป้ายทะเบียน 3 กส 7846 กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าพังเสียหาย ซึ่งเป็นรถคู่กรณีจอดอยู่ใกล้กันกับที่เกิดเหตุ

จาการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า รถกระบะซึ่งมีนายประศาสนเวชชุ แก้ววงศ์ เป็นคนขับ กำลังจะเดินทางไปประชุมที่โรงแรมศิวารอยัล ในตัวเมืองพัทลุง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถ จยย.ผู้เสียชีวิตซึ่งขับอยู่ทางด้านเลนซ้ายได้เลี้ยวตัดหน้าเพื่อจะเข้าปั๊มน้ำมันอย่างกระทันหัน ทำให้เบรกไม่ทันเลยชนเข้าอย่างจัง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว.

ชาวบ้านโล่งใจ18แรงงานต่างด้าวผลตรวจโควิดเป็นลบทั้งหมด

จากกรณีที่ชาวบ้าน บ้านอาพัดผวา หลังพบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์(พม่า) จำนวน 18 คน เดินทางเข้ามาพักภายในหมู่บ้านในพื้นที่ ม. 4 ต.จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เพื่อรอทำงานในแคมป์คนงานก่อสร้างเหมืองชลประทาน ในอีกพื้นที่พื้นที่ขอตำบลเดียวกัน เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดอุณหภูมิและสอบถามประวัติ พบว่าแรงงานชาวเมียนมาร์(พม่า) ทั้งหมดมีอุณหภูมิปกติ ซึ่งแรงงานต่างด้าวทั้งหมดได้เดินทางมาจาก เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และจากการตรวจสอบพบว่าแรงงานต่างด้าวทั้งหมด มีหนังเดินทางถูกต้อง แต่การเดินทางเคลื่อนย้ายแรงงานเข้ามาในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ยังไม่ได้มีการตรวจวัดค้นหาเชื้อโควิด -19 ก่อนออกเดินทางหรือเคลื่อนย้ายภายใน 72 ชั่วโมง และผิดประกาศจังหวัดในฉบับที่ 19 ของการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้ามา ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่รวมตัวกันต่อต้านเพราะกลัวจะเกิดโรคโควิด – 19 แพร่ระบาดภายในหมู่บ้าน


ทางด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเขาชัยสน แพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลเขาชัย จึงจัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าตรวจเก็บสารคัดหลั่งหาเชื้อโรคโควิด – 19 จาก 18 แรงงาน เพื่อนำมาตรวจที่ห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลพัทลุง ท่ามกลางความตื่นตกใจและกังวลของกลุ่มชาวบ้านในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียง ในขณะที่กลุ่มชาวบ้านส่วนหนึ่งได้เรียกร้องกลุ่มแรงงานดังกล่าวออกนอกพื้นที่ภายใน


ล่าสุด นายแพทย์ไพศาล เกื้ออรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เผยว่า ในขณะนี้ผลกาตรวจสารคัดหลั่งของกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่าทั้ง 18 ราย ได้ออกมาแล้ว ซึ่งปรากฏว่าแรงงานต่างด้าวทุกคนมีค่าเป็นลบ และได้ประสานงานให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายนำผลการตรวจสารคัดหลั่งดังกล่าวไปแจ้งให้ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลจองถนน โดยเฉพาะหมูที่ 4 ที่กลุ่มชาวต่างด้าวพักอาศัยได้รับทราบ ในขณะที่นายธนเกียรติ ชูปู กำนัน ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน เผยว่าหลังจากที่ได้รับแจ้งผลการตรวจสารคัดหลั่งของแรงงานดังกล่าวว่าเป็นลบนั้น ชาวบ้านก็หายกังวลและยินดีที่จะให้กลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเหล่านั้น เข้าไปทำงานเป็นคนงานก่อสร้างตามโครงการก่อสร้างเหมืองส่งน้ำในพื้นที่ ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน และให้พักที่บริเวณบ้านดังกล่าวต่อไปโดยจะมีนายจ้างคอยดูแลกลุ่มแรงงานดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษต่อไป.

เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือบุกจับร่างทรง ลักลอบค้าซากสัตว์ผ่านออนไลน์

นายเนรมิต สงแสง นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า หรือหน่วยพญาเสือ นำกำลังเจ้าหน้าที่ในชุด พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด เจ้าหน้าที่ กก.6 บก. ปทส. เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ต.ร่มเมือง อ.เมือง จ.พัทลุง นำหมายค้นเข้าตรวจค้นภายในบ้านของนาย สิทธิชัย หรือ หมอบ่าว แก้วคง อายุ 33 ปี ซึ่งเปิดเป็นสำนักทรงเจ้าชื่อว่า สำนักตาขุนโหร หลังการตรวจค้นพบซากสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าสงวนเป็นจำนวนมาก ก่อนตรวจยึดไปตรวจสอบ และประมาณมูลค่าความเสียหายอีกครั้งหนึ่ง

ผลการตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก พบว่านาย สิทธิชัย หรือหมอบ่าว ฯ ได้แอบลักลอบขายซากสัตว์ผ่านออนไลน์มานาน อีกทั้งเคยมีบุคคลที่ถูกจับบางรายอ้างว่า ได้รับซื้อมาจากซากสัตว์มาจากนาย สิทธิชัย หรือหมอบ่าว ฯด้วยแล้วหลายราย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ขอหมายค้นเข้าตรวจค้นดังกล่าว

นาย สิทธิชัย หรือหมอบ่าว ฯ เป็นร่างทรงที่มีชื่อเสียงทางด้านไสยศาสตร์ การทำมหาเสน่ห์ เป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงมานาน ส่วนของกลางที่เจ้าหน้าที่ค้นพบทั้งหมด จำนวน 29 รายการนั้น ไม่ว่าจะเป็นหัวเลียงผา ซากหนังช้าง ปลายงวงช้าง หางช้าง เขากระทิง กระแบนท้องน้ำ เขาเก้ง หัวนกเงือก หนังเสือไฟ หนังเสือดาว หนังเสือลายเมฆ หนังเสือโคร่ง หนังแมวดาว หนังหมีควาย อุ้งตีนหมี ซากเต่า ซากกะโหลกจระเข้ ซากกะโหลกเลียงผา ขนนกหว้า ชิ้นส่วนของช้าง เหล่านี้ นาย สิทธิชัย หรือหมอบ่าว ฯ อ้างว่าส่วนใหญ่ได้รับมาจากลูกศิษย์นำมามอบให้ บางส่วนก็หาซื้อมาเพื่อประกอบในพิธีกรรมต่างๆบ้าง ส่วนหัวกะโหลกอีกชิ้น ที่มีลักษณะคล้ายหัวกะโหลกของมนุษย์ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ทำจากเรซิ่นเท่านั้น ไม่ใช่หัวกะโหลกของคน จึงไม่มีการตรวจยึดแต่อย่างใด

และจากการตรวจสอบพบว่า นาย สิทธิชัย หรือหมอบ่าว ฯ เคยถูกจับในลักษณะนี้มาแล้วเมื่อประมาณ ปี 2562 แต่ยังไม่เข็ดหลาบเปิดสำนักทรงเจ้าบังหน้า และลักลอบค้าซากสัตว์อย่างต่อเนื่อง จนมาถูกจับอีกในครั้งนี้
เบื้องต้น นาย สิทธิชัย หรือหมอบ่าว ฯ ถูกแจ้งข้อหา มีซากสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครอง และมีสัตว์ป่าคุ้มครองตามความผิด พ.ร.บ.สัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2562 ความผิดตาม พ.ร.บ.งาช้าง 2558

ภาพจากกล้องวงจรเปิดเผยนาทีคนร้ายตามประกบยิงหนุ่มวัย 32 ปีบาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.

เหตุเกิดขึ้นช่วงบ่ายของวันที่ 17 ก.พ.64 ที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.โคกทราย อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ในที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์ทอง เสียหลักชนกับป้ายที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ทราบชื่อคนถูกยิง คือนาย วีระพงศ์ ขันกระจ่าง อายุ 32 ปี ถูกยิงเข้าราวนมด้านซ้าย ขวา และต้นขาขวา รวม 3 นัด อาการสาหัส หลังจากนั้นพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์เร่งนำตัวคนเจ็บส่ง รพ.ป่าบอน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.ป่าบอน เข้าตรวจสอบพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี กระทั่งพบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายอำมร นะระโต อายุ 49 ปี น้าชายของผู้ตาย

ล่าสุดวันนี้ นายอำมรฯ คนก่อเหตุได้เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง พ.ต.ต.สนธยา ด้วงเพ็ชร สว.กก.สส.ฯ หน.ชป.2 พ.ต.อ.สมชาย จันยัง ผกก.สภ.ป่าบอน พร้อมเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ ซึ่งประเด็นที่ลงมือลั่นไกสังหารโหดหลานชาย สาเหตุมาจากโกรธแค้นส่วนตัว ซึ่งก่อนหน้านี้มีเรื่องทะเลาะกับผู้ตายมาแล้วหลายครั้ง และถึงขั้นมีการตกลงกันว่าให้ผู้ตายออกจากหมู่บ้านไป โดยก่อนเกิดเหตุเขายังเห็นผู้ตายขับรถผ่านหน้าบ้าน จึงตะโกนสอบถามแต่ถูกผู้ตายด่าทอบุพการี จึงบันดาลโทสะขับรถไล่ตามแล้วใช้ปืนกระหน่ำยิง

หลังทำการสอบสวนตำรวจแจ้งข้อหา นายอำมร นะระโตฯ ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน / พกพาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร คุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย.

ใช้สิทธิเราชนะวันแรก ประชาชนยังคงเข้าระบบทำรายการไม่ได้ ทำวุ่นแต่เช้า

บรรยากาศการใช้สิทธิเราชนะวันแรก หลายพื้นที่ยังคงวุ่น เนื่องจากระบบล่ม หลายคนยังเข้าระบบไปเช็คสิทธิ์ไม่ได้ บางรายไม่เข้าใจเดินทางไปธนาคารกรุงไทยอีกรอบ เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร ทำให้วันนี้บรรยากาศที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ในส่วนของประชาชนที่ไม่มีโทรศัพท์สมาร์โฟนยังคงทยอยเดินทางไปลงทะเบียนกันเรื่อยๆ ทั้งที่ศาลาประชาคมของ อ.เมืองพัทลุง ซึ่งเปิดให้ประชาชนมาลงทะเบียนได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ และตามธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วพื้นที่

แต่ปัญหาโดยส่วนใหญ่ที่พบวันนี้ คือ ประชาชนยังไม่เข้าใจถึงขั้นตอนการลงทะเบียนเราชนะ และบางรายก็ยังไม่เข้าใจว่าบัตรประชาชนที่ตัวเองมีอยู่นั้นเป็นบัตรแบบสมาร์ทการ์ดแล้วหรือยัง เพราะมีหลายคนที่เดินทางมาลงทะเบียน แต่เมื่อถึงคิวตัวเอง เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าต้องไปทำบัตรประชาชนใหม่ให่เป็นแบบสมาร์ทการ์ดก่อน แล้วค่อยมาลงทะเบียนโครงการเราชนะอีกครั้ง ทำให้ประชาชนบางรายถอดใจ บ้างก็บ่นถึงระบบที่ยุ่งยาก

ทางด้านเจ้าหน้าที่ ที่รับลงทะเบียนที่ศาลาประชาคมของ อ.เมืองพัทลุง จึงได้แนะนำวิธีการสังเกตุบัตร เพื่อให้ประชาชนที่มานั่งรอไม่เสียเวลา

หนุ่มพลเมืองดี พบเงินในตู้ฝากเงินธนาคารรีบประกาศตามหาเจ้าของ ก่อนนำเงินจำนวนดังกล่าวไปมอบให้ ตร.รอเจ้าของมารับคืน

เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา นายคุณากร เทพนุ้ย อายุ 31ปี พร้อมแฟนสาวได้เดินทางไปยังธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาในตัวเมืองพัทลุง เพื่อนำสมุดธนาคารไปปรับยอด แต่ระหว่างนั้นสังเกตเห็นตรงบริเวณตู้รับฝากเงินของธนาคารมีเงินค้างอยู่จำนวนหนึ่ง จึงรีบถ่ายรูปเพื่อประกาศตามหาเจ้าของ และนำเงินจำนวนดังกล่าวไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง เพื่อติดต่อเจ้าของมารับเงินคืนต่อไป

เมื่อช่วงสาย ทีมข่าวได้ประสานไปยัง นายคุณากร เทพนุ้ย พลเมืองดีคนดังกล่าว และเล่าถึงเหตุการณ์ตอนพบเงินให้ฟังว่า ตอนนั้นเป็นช่วงดึกเวลาประมาณ 21.21น.ตนพร้อมแฟนสาวได้เดินทางไปยังธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาในตัวเมืองพัทลุง เพื่อนำสมุดธนาคารไปปรับยอด ซึ่งก็ทำกันเป็นประจำเกือบทุกคืนหลังจากเลิกงาน แต่ระหว่างที่กำลังนำสมุดธนาคารไปปรับยอดนั้น ก็สังเกตเห็นตรงบริเวณตู้รับฝากเงินของธนาคาร มีเงินค้างอยู่จำนวนหนึ่ง พร้อมสลิปการทำรายการแจ้งชื่อปลายทาง แต่คาดว่าระบบน่าจะทำรายการไม่สำเร็จหรือขัดข้อง แล้วอีกอย่างคนที่นำเงินมาฝากคงรีบร้อนออกไปก่อนเงินจึงค้างอยู่ที่ต็ทำรายการดังกล่าว
หลังจากนั้น ตนจึงเรียกแฟนสาวที่นั่งรออยู่ในรถให้ลงมาถ่ายรูป และอัพลงเฟสบุ๊คเพื่อประกาศตามหาเจ้าของ ก่อนจะนำเงินจำนวนนั้นไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง เพื่อติดต่อเจ้าของมารับเงินคืนต่อไป


และล่าสุดทราบว่า ทางเจ้าของเงินได้ติดต่อขอรับเงินคืนแล้วเรียบร้อย พร้อมทั้งฝากขอบคุณพลเมืองดีที่ได้เก็บเงินจำนวนดังกล่าวไว้ให้ รวมถึงทุกคนที่ช่วยกันแชร์ผ่านโซเชียลอีกด้วย

ล่องเรือหารัก รมว.ท่องเที่ยวนำส่วนราชการลงเรือหางยาวร่วมแปลอักษร คำว่าเลิฟ ต้อนรับวันแห่งความรัก 14กุมภา

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำทีมส่วนราชการในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุง ลงเรือหางยาวร่วมแปลอักษรคำว่าเลิฟ ต้อนรับเทศกาลวันแห่งความรัก 14กุมภาวันวาเลนไทน์ ที่บริเวณอุทยาน นกน้ำทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้มีผู้ร่วมแปลอักษรเกือบ 200 ชีวิต ใช้เรือหางยาวถึง 36 ลำ นับเป็นความร่วมแรง ร่วมใจ ที่ทำให้เห็นถึงความรัก สามัคคี ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนแห่งความรัก และเป็นภาพที่หาดูได้ยาก

นอกจากนี้หลังจากร่วมแปลอักษร ที่แสดงออกถึงความรักแล้ว นายพิพัฒน์ ฯ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้ควงภรรยา นางนาที รัชกิจประการ พร้อมคณะและสื่อมวลชน ร่วมล่องเรือชมธรรมชาติ ของทะเลน้อย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตของควายน้ำ สัตว์ประจำถิ่นที่เป็นไฮไลท์ดึงดูดนักท่องเที่ยวของพื้นที่ทะเลน้อย ชมวิถีของชาวประมง รวมไปถึงการศึกษาเส้นทางตามธรรมชาติโดยรวมทั้งหมดในพื้นที่ของทะเลน้อย นอกจากนี้ยังได้ชมแสงสุดท้ายก่อนพระอาทิตย์ตก กระทบกับผืนน้ำ เป็นภาพที่ช่างภาพหลายๆคนตั้งตารอเลยทีเดียว

ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุงซบเซาลงไป การจัดกิจกรรมนี้ เพื่อต้องการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวหันมาเที่ยวพัทลุง เมืองรองของการท่องเที่ยวที่ยังคงมีเรื่องราวให้น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นในด้านธรรมชาติที่สวยงาม วัฒนธรรมโบราณเก่าแก่อีกมากมาย ที่รอนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาสัมผัส.

หนุ่มวัย 26ปี ขับรถกระบะพาญาติกลับจากงานขึ้นบ้านใหม่ ระหว่างทางรถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำ ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่าสิบรายสาหัสอีก 3

ช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทะเลน้อย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง และเจ้าหน้าที่กู้ชีพพนางตุง ทะเลน้อย เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลควนขนุน หลังเกิดเหตุรถยนต์กระบะอีซูซุแคป ดีแมค สีบรอนซ์เงิน ป้ายทะเบียน บท-5399 พัทลุง เสียหลักพลิกคว่ำ อยู่ริมถนนสายควนขนุน-ทะเลน้อย ในพื้นที่ ม.12 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 14 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 3 ราย ก่อนจะมีการนำตัวผู้บาดเจ็บสาหัสทั้งหมดเข้ารับการรักษาต่อยังโรงพยาบาลพัทลุงต่อไป


จากการเข้าตรวจสอบที่เกิดพบรถยนต์กระบะคันดังกล่าว อยู่ในสภาพพลิกหงายท้อง กระจกรถและสภาพด้านหน้าของรถพังเสียหายทั้งหมด ทราบชื่อคนขับ คือ นายฤทธิเกียรติ จันทสีเสนา อายุ 26 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าอก และแผลถลอกตามร่างกายจากการถูกกระจกบาด จากการสอบถามคนขับ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเหมือนสังเกตเห็น คนเดินข้ามถนน ตนจึงเบรกกะทันหัน จนทำให้รถให้เสียหลักพลิกคว่ำ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ซึ่งสอดคล้องกับคำบอกเล่าของป้าคนหนึ่งที่โดยสารมาในรถคันดังกล่าวด้วย

นางสุรีย์ สังข์ดุก อายุ 64 ปี ป้าที่นั่งมาในรถคันเกิดเหตุ เล่าว่า ตนและญาติคนอื่นๆ เพิ่งกลับมาจากงานขึ้นบ้านใหม่ ของนายฤทธิเกียรติฯ ซึ่งเป็นคนขับ พอมาถึงที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงคนขับบอกว่ามีคนตัดหน้า หลังจากนั้นรถก็เสียหลักพลิกคว่ำ คนที่นั่งโดยสารมาในรถทั้งในแคปด้านหน้า จำนวน 5 ราย และนั่งท้ายกระบะอีก จำนวน 9 ราย ต่างกรี๊ดตกใจ และได้รับบาดเจ็บไปตามๆกัน แต่คุณป้าสุรีย์ฯ ซึ่งนั่งบริเวณหลังเบาะคนขับเพียงคนเดียว ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่ยังอยู่ในอาการตกใจบ้างเล็กน้อย.

สาววัย42ปี ลาออกจากงานประจำหันมาค้ายานรก อ้างหารายได้ระหว่างเลี้ยงดูแม่ที่ป่วยและใช้จ่ายในครอบครัว

เจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันและปราบปราม สภ.บางแก้ว สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ชุด อส.จ.พัทลุง วางแผนเข้าจับกุมเครือข่ายค้ายาในพื้นที่ บ้านห้วยเนียง ม.5 ต.โคกสัก อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ก่อนควบคุมเครือข่ายค้ายาได้ 2 ราย คือ นายสุทธิชัย ทองบริสุทธิ์ หรือ บ่าว อายุ 26 ปี ได้พร้อมของกลางยาบ้าที่กำลังนำไปราดเททิ้งในห้องน้ำ เพื่อทำลายหลักฐาน อีกรายคือแฟนสาวของนายบ่าว ทราบชื่อ คือ นางโสภิดา หรือตุ้ม จันทรกุล อายุ 42 ปี ได้คาบ้านพักในพื้นที่ดังกล่าว

ขณะเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมตรวจค้น นางโสภิดา หรือตุ้ม ยังอยู่ในอาการตกใจ มือไม้สั่น และถึงกับร่ำไห้ ก่อนจะยอมรับว่ายาบ้าที่เจ้าหน้าที่ค้นเจอเป็นของตนเองจริง เก็บไว้เพื่อแบ่งขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ เพิ่งเริ่มทำมาเมื่อไม่นานเนื่องจากตกงาน และต้องกลับมาเลี้ยงดูแลแม่ที่ป่วย แต่จากการตรวจสอบประวัติ นางโสภิดา หรือตุ้มฯ มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมานาน แต่รอดพ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้ตลอด เนื่องจากนางโสภิดา หรือตุ้มฯ มักจะติดตามความเคลื่อนไหวผ่านหน้าเฟสบุ๊คของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมในพื้นที่ จ.พัทลุง ทุกชุด แต่สุดท้ายก็ไม่รอดถูกรวบได้พร้อมกับแฟนหนุ่ม

หลังจากการควบคุมตัวและสอบสวนเบื้องต้น นางโสภิดา หรือตุ้มฯ ผู้ต้องหา เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ทำงานเป็นลูกจ้างประจำที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ จนกระทั่งต้องลาออกจากงานกลับบ้านมาดูแลแม่ที่ป่วย และรับจ้างกรีดยาง มีรายได้วันละ 150บาทต่อวัน แต่ไม่พอกับค่าใช้จ่ายภายในบ้าน จึงอ้างว่าต้องหันมาค้ายานรกเพื่อนำรายได้มาจุนเจือครอบครัว
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ก็จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองราย พร้อมของกลางยาเสพติดส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.