แถลงการณ์สำนักพระราชวัง กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงพระประชวร

วันที่ 11 มกราคม 2564 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระประชวร ความว่า

เนื่องจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีทรงประสบอุบัติเหตุ ทรงล้มระหว่างทรงพระดําเนินออกกําลังพระวรกายตามปกติ ในเวลาเช้าวันจันทร์ที่ 11 มกราคมพุทธศักราช 2564 ทรงได้รับบาดเจ็บที่ข้อพระบาททั้งซ้ายและข้างขวาเป็นเหตุให้ทรงพระดําเนินไม่สะดวก

คณะแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าได้ถวายการรักษา และถวายความเห็นว่า ควรจะทรงงดพระราชกรณียกิจต่าง ๆ เป็นเวลาประมาณ 2 เดือน

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน

คลัง ยืนยันแล้ว ‼ เปิดลงทะเบียน “คนละครึ่ง” รอบเก็บตก 1 ล้านสิทธิ์ กลางเดือน ม.ค.

“อาคม เติมพิยาไพสิฐ” เผยเตรียมเปิดให้ลงทะเบียน คนละครึ่งเฟส 2 รอบเก็บตก 1 ล้านสิทธิ์ กลางเดือน ม.ค. นี้ ลุ้นพิจารณาวงเงินเพิ่มเป็น 5,000 บาท

จากกรณีที่กระทรวงการคลังเปิดให้ ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 2 ให้ประชาชนจำนวน 5 ล้านสิทธิ ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา และมีผู้ลงทะเบียนเต็มจำนวนสิทธิในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ล่าสุดมีข่าวดีให้กับผู้พลาดโอกาสเมื่อครั้งที่ผ่านมา

โดยเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จะมีการเปิดลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง รอบเก็บตกอีกครั้ง ในช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ ซึ่งขณะนี้ เริ่มทราบสิทธิ์คงเหลือว่ามีจำนวนเท่าไหร่ จากการดำเนินโครงการในเฟสแรก และเฟส 2

ส่วนข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ขอให้พิจารณาต่ออายุโครงการคนละครึ่ง ออกไปอีก 3 เดือน และเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายต่อบุคคลเป็น 5,000 บาทนั้น ยังไม่ได้มีการพิจารณาต่ออายุโครงการ ยังอยู่ที่ระยะเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นจึงจะมีการประเมินกันใหม่อีกครั้ง

สำหรับโครงการคนละครึ่ง ที่คาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนอีกรอบใหม่กลางเดือนมกราคม 2564 จำนวน 1 ล้านสิทธิ์ และลงทะเบียนไม่สำเร็จในทั้งสองเฟสด้วยหลายปัจจัย จะได้สิทธิ์ลงทะเบียนใหม่ในรอบนี้

พัทลุง-จังหวัดประกาศติดตามตัวผู้ร่วมเดินทางสนามบินดอนเมืองมายังสนามบินตรังจำนวน 9 ราย ที่เดินทางร่วมเที่ยวบินนกแอร์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.63ที่ผ่านมา

จากกรณีที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล ได้รายงานยอดผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 2 ราย และ1ใน2รายนี้ พบว่าผู้ป่วยได้เดินทางจากสนามบินดอนเมืองมายังสนามบิน จ.ตรัง สายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD 7410 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา และในเที่ยวบินดังกล่าวปรากฎว่ามีคนในพื้นที่จังหวัดพัทลุงได้ร่วมเดินทางมาด้วย จำนวน 9 ราย และติดต่อขอเข้ารับการตรวจเก็บสารคัดหลั่งแล้ว 8 ราย เบื้องต้นผลออกมาเป็นลบ ส่วนอีก 1 รายนั้น เจ้าหน้าที่กำลังเร่งประสานให้เข้าตรวจโดยเร็ว ต้องหลีกเลี่ยงไปปะปนอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก และต้องใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา

สำหรับผู้ร่วมเดินทางทั้ง 8 รายที่เข้ารับการตรวจแล้ว ทางแพทย์ได้แนะนำให้ทั้ง 8 ราย ได้กักตัวเองตามแบบพฤติกรรม New normal อย่างจริงจังและต่อเนื่องเป็นเวลา 14 วัน

ขณะนี้จังหวัดพัทลุงนั้นเป็นจังหวัดที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ถึงแม้ยังไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ก็ตามนับเป็นเวลา 261 วันที่ไม่มียอดผู้ติดเชื้อ แต่ประชาชนในพื้นที่ก็ต้องร่วมผิดชอบต่อสังคม สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องออกจากบ้าน เว้นระยะห่างทางสังคม ปฏิบัติตัวตามมาตรการเดิมในรอบแรกอย่างเคร่งครัด แต่ไม่ต้องตื่นตระหนก จนเกิดภาวะเครียด แค่ระมัดระวังป้องกันตัวเองไม่ให้ไปอยู่ในจุดเสี่ยงที่มีผู้คนแออัดก็พอ.

ผู้การเมืองลุง ร่วมปล่อยแถวกวาดล้างอาชญากรรมช่วงปีใหม่ พร้อมเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่บริเวณหน้าลานพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง เดินทางเป็นประธานร่วมปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงเทศกาลคริสมาสต์และวันขึ้นปีใหม่ มี เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ต่างๆ เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าร่วมเกือบ 300 คน


การปล่อยแถวกวาดล้างในครั้งนี้ ก็เพื่อตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย พร้อมตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจค้นบุคคล และยานพาหนะ อาวุธปืน ยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด รวมไปถึงปัจจัยเสี่ยง ที่จะทำให้เกิดการก่อเหตุอาชญากรรม และนอกจากนี้เพื่อต้องการกวดขันจับกุมผู้กระทำความความผิดทุกรูปแบบ และเพิ่มความเข้มงวดในการกวดขันวินัยจราจร เมาไม่ขับ
และนอกจากนี้ ยังเอ็กซเรย์พื้นที่จุดเสี่ยง ที่จะมีการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ จ.พัทลุง ทุกจุดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19


นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องยังได้ลงสุ่มตรวจการเข้า – ออกในการใช้บริการในสถานที่สาธารณะต่างๆเช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการ และขอความร่วมมือในการวางมาตรการ การป้องกันการติดต่อ แพร่เชื้อของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด สถานที่บริการทุกจุด ต้องมีจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิผู้เข้าใช้บริการทุกรายโดยไม่มีข้อยกเว้น และจัดให้มีที่สำหรับบริการล้างมือด้วยเจล หรือแอลกอฮอลล์ และทุกคนต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ รวมไปถึงการรักษาระยะห่างทางสังคม ลดการแออัด ลดการสัมผัส ลดการแพร่เชื้อ.

สสจ.ออกมายืนยันจากกระแสข่าวลือในโซเชียลว่ามีคนพัทลุงติดเชื้อโควิด-19พบเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น

สสจ.ออกมายืนยันจากกระแสข่าวลือในโซเชียลว่ามีคนพัทลุงติดเชื้อโควิด-19และเข้ารับการรักษาตัวใน รพ.นั้น พบเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น พร้อมย้ำคนพัทลุงตื่นตัวได้แต่ต้องไม่ตระหนก

เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ที่โรงแรมศิวารอยัล นายแพทย์ไพศาล เกื้ออรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วย นายแพทย์จรุง บุญกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง เข้าร่วมกิจกรรมการแถลงข่าวเปิดตัวการขับเคลื่อนนโยบาย คนไทยต้องมีหมอประจำตัว 3คน พร้อมทั้งนี้ก็ได้ให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.พัทลุง หลังจากที่เมื่อสองวันที่ผ่านมา มีการพูดถึงและแชร์กันในโลกโซเชียลเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้คนในพื้นที่ส่วนใหญ่เกิดความวิตกกังวล ว่าตกลงเป็นเรื่องจริงหรือแค่ข่าวลือกันแน่

ในวันนี้ทางด้าน นายแพทย์ไพศาล เกื้ออรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่มีการแชร์กันว่า จ.พัทลุงมีการปิดเมืองนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ข้อมูลที่มีการแชร์กันเป็นเพียงข้อมูลเก่าเมื่อหลายเดือนที่แล้ว ส่วนประเด็นที่มีการแชร์กันในเฟสบุ๊คว่าพบเด็กน้อยอายุ 2ขวบ ที่เดินทางมากับครอบครัวจากมหาชัย จ.สมุทรสาคร แล้วมาทำงานที่โรงไม้ยางวังอ่างในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม แล้วเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลป่าพะยอม ก็ไม่เป็นความจริงใดๆทั้งสิ้น

และตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอป่าพะยอม ได้โทรประสานทำความเข้าใจกับผู้โพสต์รายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ส่วนชายไทยอีก 3 รายที่อยู่ในพื้นที่ อ.นาโหนด จ.พัทลุง พบว่าเป็นเพียงบุคคลเฝ้าระวัง ที่มีการเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง คือ จ.สมุทรสาคร และเข้ามายัง จ.พัทลุง เท่านั้น ผลการตรวจก็ยังไม่พบเชื้อใดๆ แต่บุคคลทั้ง 3 ราย ก็ได้มีการกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นที่เรียบแล้ว พร้อมมีเจ้าหน้าที่ อสม. เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเข้าให้ความรู้ในการกักตัวแล้วเช่นกัน

ส่วนแรงงานต่างด้าวที่เข้ามากระจายทำงานอยู่ในพื้นที่ จ.พัทลุง พบว่ามีอยู่มากกว่า 800 คน ล่าสุดทางกองป้องกันควบคุมโรคติดต่อ จ.พัทลุง ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สุ่มตรวจในจุดเสี่ยงแล้ว
นายแพทย์ไพศาลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทาง จ.พัทลุงยังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 256วัน หลังจากที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในพื้นที่ แต่ขอเน้นย้ำประชาชนการ์ดอย่าตก ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งก็ต้องสวมแมส หรือหน้ากากอนามัยให้เรียบร้อย พกเจลแอลกอฮอลล์ ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่างทางสังคม เข็มแข็ง เข้มข้น สร้างวินัยให้กับตัวเองเหมือนในครั้งแรกที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถ้าทุกคนทำได้พัทลุงเราก็จะรอดพ้นจากการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ได้อย่างแน่นอน

และสำหรับใครที่ต้องการจัดงาน เลี้ยงฉลองปีใหม่ก็สามารถทำได้เหมือนเดิม แต่ให้เพิ่มมาตรการ การรักษาระยะห่างทางสังคม ลดจำนวน ลดการแออัดของพื้นที่ หากมีการฝ่าฝืนไม่ทำตามมาตรการอย่างจริงจังก็จะมีบทลงโทษต่อไปตามสถานการณ์

ทางด้าน นายแพทย์จรุง บุญกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง ก็ได้ฝากประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม ในส่วนของโรงพยาบาลพัทลุง ขอความร่วมมือผู้รับบริการ ที่จะเข้าเยี่ยมผู้ป่วยสามารถเข้าเยี่ยมได้ครั้งละไม่เกิน 2 คน ตามวันเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ญาติที่เฝ้าไข้ก็เฝ้าได้เพียง 1 คนเท่านั้น และต้องมีการสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในโรงพยาบาลตลอดเวลา สำหรับเด็กและผู้สูงอายุงดเยี่ยมผู้ป่วยทุกกรณี.

ในหลายพื้นที่เริ่มมีน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และบนถนนเส้นทางสายหลัก

สภาพอากาศทั่วไปในพื้นที่ จ.พัทลุงตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่วันที่ 3 แล้ว ส่งผลทำให้ในหลายพื้นที่ของ จ.พัทลุง เริ่มมีมวลน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน อย่างในพื้นที่ อ.ศรีนครินทร์ อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ.ป่าบอน และ อ.ควนขนุน และท่วมถนนสายหลักอย่างถนนสายเพชรเกษม พัทลุง-ตรัง มีน้ำท่วมผิวจราจรในบางช่วงแต่รถก็ยังสัญจรไป มาได้อยู่ และบริเวณถนนสายเอเซีย ช่วงแยกโพธิ์ทอง

ในจุดนี้ทางฝายท่าแนะได้มีการเปิดประตูระบายน้ำทั้งจำนวน 3 บาน เพื่อระบายน้ำออกป้องกันตัวฝายพัง นอกจากนี้ก็ยังส่งผลให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วม บริเวณชุมชนย่านเศรษฐกิจหน้าตลาดควนขนุนระดับน้ำท่วมสูงเฉลี่ยประมาณ 20-30 ซม.รถยังคงวิ่งสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน โดยทางเจ้าหน้าที่ก็จะนำป้ายเตือนมาวางตามจุดเสี่ยงต่างๆ

ทางด้านนางสาวศรอนงค์ สงสมพันธ์ นายอำเภอควนขนุน ซึ่งออกตรวจพื้นที่น้ำท่วมตั้งแต่เช้าของวันนี้ กล่าวว่าจากฝนที่หนักในอำเภอควนขนุน และอำเภอศรีบรรพตซึ่งอยู่ด้านบนของอำเภอควนขนุนนั้น ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมบนภูเขาบรรทัดเป็นจำนวนมากไหลหลากลงสู่ฝายท่าแนะอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในตำบลเขาย่า อำเภอศรีบรรพต และลำคลองต่างๆ สมทบกับสภาพน้ำฝนในพื้นที่ จากสภาพน้ำดังกล่าวฝายท่าแนะ

ได้เปิดประตูระบายน้ำออกจากตัวฝายเพื่อรักษาระดับน้ำ โดยขณะนี้ได้ยกประตูระบายน้ำทั้ง 3 ประตูสูงขึ้น 1 เมตร ทำให้มีน้ำไหลบ่าลงสู่ที่ราบของตำบลชะม่วง ตำบลควนขนุน เพิ่มสูงขึ้นภายในเที่ยงวันของวันนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ออกแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยใกล้ริมคลองท่าแนะ ที่เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนให้ยกสิ่งของให้สูงขึ้นอีก อีกทั้งขณะนี้ได้เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชน โดยจะมีกำลังทหารจาก ค่ายอภัยบริรักษ์ ช.401 ค่อยช่วยเหลืออพยพประชาชน และขนสิ่งของไว้ที่สูงแล้ว.

ทีมข่าว #ที่นี่พัทลุง

รถเทรนเลอร์เสยท้ายรถยนต์กระบะพลิกคว่ำ ทำให้หนูน้อยวัย 10 ขวบ เสียชีวิต และบาดเจ็บอีกเกือบ 20 ราย

เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พยาบาลพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัยจังหวัดพัทลุง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจาก อุบัติเหตุรถเทรนเลอร์บรรทุกน้ำยาง ชนท้ายรถยนต์กระบะ ที่มีนักมวยโดยสารมาเต็มคันรถ ก่อนที่รถทั้ง2คัน จะเสียหลักพุ่งไปชนบ้านเรือนชาวบ้านพังเสียหายอีก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันพีที บ.ลำกะ ม.10 ต.ชุมพล อ.ศรีนครินทร์ บนถนนสายพัทลุง-ตรัง


ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 20 คน มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากซากรถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแม็กสีบรอนด์ ป้ายทะเบียน บพ- 8391ตรัง พลิกหงายท้องชนติดอยู่กับศาลาริมทาง ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บมีอาการสาหัสหลายราย หนึ่งในนั้นมีเด็กอายุ 10 ขวบ 1 ราย และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลพัทลุง ทราบชื่อคือ ด.ช พัสกร อโนทิพย์ และนอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบรถเทรนเลอร์ ซึ่งเป็นรถบรรทุกน้ำยางสด ทราบว่ารถคันดังกล่าวเพิ่งกลับจากส่งน้ำยางสด ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย


และจากการสอบถามคนขับรถเทรนเลอร์ เล่าว่า ตนได้ขับรถกลับจากโรงงานในพื้นที่ อ.ป่าบอน และกำลังจะเดินทางกลับเพื่อนำรถไปจอดที่โรงงานในพื้นที่ อ.ศรีนครินทร์ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่ฝนตกหนัก ตนก็ขับอยู่เลนส์ซ้ายปกติ และจังหวะนั้นก็มีรถยนต์กระบะคันเกิดเหตุ ซึ่งขับอยู่ด้านหน้า ในช่องเลนส์ขวา ได้เปิดไฟเลี้ยวซ้ายและขับเบี่ยงลงเลนส์ซ้ายอย่างกะทันหัน ทำให้ตนเบรกไม่ทันบวกกับฝนตกหนัก ทำให้ถนนลื่น จึงได้พุ่งชนรถยนต์กระบะคันดังกล่าวเข้าอย่างจัง จนรถยนต์กระบะเสียหลักพลิกคว่ำไปชนกับศาลาริมทาง ก่อนจะเสียหลักพุ่งไปชนกับบ้านเรือนของชาวบ้านอีกทอดหนึ่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย


ในส่วนทางด้านคนขับรถยนต์กระบะคันเกิดเหตุ ก็ได้เล่าให้ฟังว่า ตนและครอบครัวพร้อมญาติๆ กำลังดินทางกลับจากพาเด็กๆไปต่อยมวยในพื้นที่ ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง นั่งโดยสารกันมาทั้งหมดจำนวน 20คน รวมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อเดินทางกลับบ้านในพื้นที่ จ.ตรัง แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ตนได้มีการเปลี่ยนช่องทางการเดินรถจากเลนส์ขวา ลงเลนส์ซ้าย เนื่องจากฝนตกหนัก จนไม่ทันสังเกตุว่ามีรถเทรนเลอร์ขับตามหลังมา จนกระทั่งทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น.

คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามตามประกบยิงสองพ่อลูก เสียชีวิต1 บาดเจ็บอีก 1 คาดเป็นการยิงเพื่อชิงทรัพย์

พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยศวรรธ์ กระจ่างวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่เกี่ยวข้อง เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหน้าบ้าน เลขที่ 47/1 หรือร้านบังบาว ในพื้นที่ ม.1ต.โคกสัก อ.บางแก้ว เนื่องจากเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามตามประกบยิงสองพ่อลูก

ส่งผลให้นายมนัส ไพรพฤกษ์ อายุ 60ปี ผู้เป็นพ่อเสียชีวิต
ส่วนลูกชาย นายรุจิโรจน์ ไพรพฤกษ์ อายุ 29ปี ได้รับบาดเจ็บ


จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้น ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพร้อมลูกชายที่บาดเจ็บ และญาติอีกคน เดินทางไปเล่นการพนันในพื้นที่ใกล้เคียง หลังจากเล่นการพนันเสร็จก็เดินทางกลับบ้าน และเมื่อมาถึงบริเวณหน้าบ้านจุดเกิดเหตุ ก็มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขับรถ จยย.ตามมาติดๆ ก่อนที่ 1 ในกลุ่มคนร้ายจะลงมาใช้อาวุธชี้บังคับ ให้ผู้ตายส่งทรัพย์สินมีค่าให้ แต่ทางผู้ตายไม่ยอม จึงเกิดการยื้อแย่งต่อสู้กัน คนร้ายจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงใส่สองพ่อลูก พร้อมญาติอีกคน ที่ยังคงนั่งอยู่ในรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ แอตทราสสีขาว ป้ายทะเบียน กต-4059 พัทลุง ไปหลายนัด จนทำให้ผู้เป็นพ่อเสียชีวิต ส่วนลูกชายได้รับบาดเจ็บ และญาติอีกคนวิ่งหนีตายออกไปได้ ส่วนรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวก็มีร่องรอยกระสุนปืน บริเวณประตูฝั่งคนนั่งข้างด้วยจำนวน 2 นัด ก่อนที่คนร้ายอาศัยจังหวะหลบหนีไปได้พร้อมเงินสด และทองรูปพรรณ ของผู้ตายจำนวนหนึ่ง


และจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนขนาด 5.56 จำนวน 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ชุดสืบสวน สภ.บางแก้ว ได้กระจายกำลังเข้าตรวจค้นจุดที่ผู้ตายและผู้บาดเจ็บไปเล่นการพนันก่อนเกิดเหตุ และเรียกญาติผู้ตาย รวมไปถึงญาติอีกคนที่หลบหนีไปได้มาสอบสวนเพิ่มเติม ถึงปมความขัดแย้งและสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง.

ชุดปราบปรามยาเสพติด กก.สส.2 บก.สส.จชต. โชว์ผลงานขยายผลรวบเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ ได้ของกลางกว่า 1 ล้านเม็ด


เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธ์ ผวจ.พัทลุง พล.ต.ต.ดารัส วิรยะกุล รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.อรรถวุฒิ อ่อนทรัพย์ ผบก.สส.จชต. และ พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ที่ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ได้ของกลางยาบ้ากว่า 1ล้านเม็ด


ผลการจับกุม สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันทำการสืบสวนจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีพฤติการณ์ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ เข้ามาจาหน่ายให้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสามารถจับกุมผู้กระทาผิดได้จำนวนหลายราย และทำการสืบสวนขยายผลมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 ต.ค.63 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.จชต. เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันสืบสวนจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จ.ปัตตานี ซึ่งมีพฤติการณ์ติดต่อกับเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จ.พัทลุง เครือข่ายของ นายอ๊อดป่าพะยอม ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อส่งจำหน่ายให้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ได้พร้อมของกลางยาบ้า จานวน 20,977 เม็ด อาวุธปืน จานวน 1 กระบอก และของกลางอื่น ๆ อีกจานวนหลายรายการ ในความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ เหตุเกิดที่ด่านตรวจเกาะหม้อแกง ต.ท่ากาชา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี


หลังจากนั้นได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผล เพื่อดำเนินการจับกุมทลายเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และจากการสืบสวนขยายผลทราบว่ามีเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นเครือข่ายของนายอ๊อด ป่าพะยอม มีพฤติกรรมร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ เพื่อส่งจำหน่ายให้เครือข่ายในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังมียาเสพติดอีกจำนวนมากพักเก็บอยู่ในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง จึงได้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนสืบสวนขยายผล จนกระทั่งสามารถขยายผลติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 2 ราย ได้พร้อมของกลางในขณะนำยาเสพติดเพื่อ รอส่งมอบให้กับเครือข่ายบริเวณ ริมถนนนสายเอเชีย ตรงจุดศาลาพักผู้โดยสารหน้ามหาวิทยาลัยทักษิณวิทยาเขตพัทลุง

ในพื้นที่ ม.2 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ในช่วงค่ำของคืนวันที่ 28 ต.ค.63 ที่ผ่านมา สามารถกันจับกุม นายนนท์ธวัช หรือ บอล ช่วยสถิตย์ อายุ 36 ปี ที่อยู่ 93 ม.5 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง และนายธรรมพร หรือเคน เขี้ยวแก้ว อายุ 23 ปี ที่อยู่ 265 ม.9 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 1,046,000 เม็ด มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนยาว ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง พร้อมแจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจาหน่ายโดยผิดกฎหมาย , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต


นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทาผิด เพื่อดาเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทาผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.๒๕๓๔ รวมมูลค่าประมาณกว่า 2 ล้านบาท และจะได้สืบสวนขยายผลติดตามยึดทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทาผิด และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดาเนินการตามกฎหมายกับเครือข่ายที่ร่วมกระทาผิดและ ยังไม่ถูกจับกุมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผลการจับกุมที่ผ่านมาก็เป็นตามนโยบายรัฐบาล ที่เน้นย้ำให้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังโดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ เป็นแหล่งแพร่ระบาด เป็นจุดพักยาและเป็นเส้นทางลาเลียงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน สานักงานตำรวจแห่งชาติ และ กอ.รมน.ภาค 4 ได้ระดมสรรพกำลังเพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่องตลอดมา.

พัทลุง-พสกนิกรชาวพัทลุงพร้อมใจสวมใส่เสื้อสีเหลืองทำบุญตักบาตรท่ามกลางสายฝน

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่บริเวณลานพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัตน์จตุรทิศ อำเภอเมืองพัทลุง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นำหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ประชาชนจิตอาสา ต่างสวมใส่เสื้อสีเหลือง รวมทำบุญตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้ง พระสงฆ์ จำนวน 89 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่มีต่อปวงชนชาวไทย ท่ามกลางสายฝน

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงครองราชสมบัติยาวนานที่สุดในประเทศไทย พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 และเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 โดยตลอดระยะเวลา 70 ปี ของการครองราชย์ได้ทรงอุทิศพระองค์ ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขและใช้เวลาส่วนพระองค์เสด็จเยี่ยมประชาชนในทุกภูมิภาค

และในช่วงสายของวันนี้ที่บริเวณหอประชุมจังหวัดพัทลุง ข้าราชการ องค์กรเอกชน และภาคประชาชน ทำพิธีวางพวงมาลาและถวายบังคม จากนั้นจะเป็นกิจกรรมทำความดีถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระราชกุศล ของกลุ่มจิตอาสา ตาม “ปณิธานความดี ทำดีเริ่มได้ที่ใจเรา” โดยร่วมพัฒนาคลองเลียบทางรถไฟ หมู่ที่ 1 บ้านดอนแบก ตำบลปรางหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ส่วนในช่วงเย็นที่หอประชุมจังหวัดพัทลุงนั้น ข้าราชการ จิตอาสาพระราชทาน องค์กรเอกชน และภาคประชาชน ร่วมพิธีจุดเทียนเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร.