โรงพยาบาลพัทลุงเปิดห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ตรวจหาเชื้อทราบผลใน 5 ชั่วโมง

โรงพยาบาลพัทลุง เปิดห้องปฏิบัติการอณูชีวโมเลกุล เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยไม่จำเป็นต้องส่งไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ยังต่างจังหวัดเหมือนที่ผ่านมา ทราบผลเร็วและทำการรักษาได้อย่างทันท่วงทีหากมีการพบเชื้อ


นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานพิธีเปิดห้องปฏิบัติการอณูชีวโมเลกุลทางการแพทย์ ของกลุ่มงานเทคนิคการแพทย์และพยาธิวิทยาคลีนิค ชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลพัทลุง จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดกันทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วยและแม้แต่ใน จ.พัทลุงเองก็ตาม และปัจจุบันก็ยังพบการแพร่กระจายอยู่บ้างไม่มากนัก แต่หลายหน่วยงานยังเฝ้าติดตามและรณรงค์การป้องกันอย่างต่อเนื่องต่อไป


ในส่วนของจังหวัดพัทลุงมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 14 ราย รักษาตัวหายกลับบ้านได้หมดแล้ว และเป็นที่น่ายินดีตลอด 75 วันที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.พัทลุงไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเลย ดังนั้นทางโรงพยาบาลพัทลุง จึงมีแนวคิดที่จะจัดหาห้องตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 และหาเชื้อโรคอื่นๆ เพื่อรองรับการแพร่ระบาดของโรค โดยการจัดหาห้องปฏิบัติการอณูชีวโมเลกุลทางการแพทย์ เพื่อตรวจหาเชื้อการปนเปื้อนของสิ่งส่งตรวจ สามารถช่วยลดขั้นตอนในการตรวจ ลดจำนวนบุคลากรที่สัมผัสสิ่งส่งตรวจ และป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อสู่สิ่งแวดล้อมภายนอกได้ และสามารถทราบผลการเชื้อได้เร็วยิ่งขึ้นและง่ายต่อการรักษาหากพบเชื้อได้อย่างทันท่วงที


นายแพทย์จรุง บุญกาญจน์ กล่าวว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ทางมูลนิธิโรงพยาบาลพัทลุง ได้รับการบริจาคเงิน อุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยทีติดเชื้อด้วยโรคดังกล่าวมากกว่า 6 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้การตรวจรักษาโรคเชื้อไวรัสโควิด-19 และโรคอื่นๆให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โรงพยาบาลพัทลุงจึงได้นำเงินบริจาคดังกล่าวดำเนินการจัดซื้อครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างอื่นๆเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด เช่น ห้องตรวจปฏิบัติการอณูชีวโมเลกุลทางการแพทย์ จำนวน 1 ห้อง Biosafty Cabined Class จำนวน 1 เครื่อง ,ชุดกรองอากาศ PAPR จำนวน 5 ชุด ,รถเข็นนอนเคลื่อนย้ายผู้ป่วย 1 คัน, Mobile Hepafilter จำนวน 4 เครื่อง, ซึ่งห้องปฏิบัติการอณูชีวโมเลกุลฯ พร้อมสำหรับให้บริการตรวจหาเชื้อโรคเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยวิธี Real Time PCR ให้กับประชาชนในเขตจังหวัดพัทลุงและจังหวัดใกล้เคียง ตั้งแต่วันที 24 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ซึ่งไม่จำเป็นต้องส่งไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ตรังเหมือนที่ผ่านมา


สำหรับห้องปฏิบัติการดังกล่าวนี้ สามารถใช้ตรวจหาเชื้อไวรัสตัวอื่นๆได้อีกด้วย เช่น โรคไข้เลือดออก ไวรัสที่เป็นสาเหตุของมะเร็งมดลูก เชื้อวัณโรคดื้อยา และการตรวจหา ยีนโรคธาลัสซีเมีย เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งสามารถทราบผลการตรวจโรคต่างๆ ภายในเวลา 5 ชั่วโมงเทนั้น และมั่นใจว่าการเปิดห้องปฏิบัติดังกล่าวนี้ จะสามารถจะเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยของโรงพยาบาลพัทลุงได้อย่างแน่นอน.

เรือนจำพัทลุงเปิดจองคิวออนไลน์ให้เยี่ยมผู้ต้องขังวันแรก หลังงดเยี่ยมทำให้มีคิวแน่นยาวถึงกลางเดือน

เรือนจำพัทลุงเปิดจองคิวออนไลน์ให้เยี่ยมผู้ต้องขังวันแรก หลังงดเยี่ยมจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้มีคิวแน่นยาวถึงวันที่ 16 มิย.63 ด้าน ผบ.เรือนจำกลางพัทลุงพร้อมสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวัง การ์ดอย่าตก ร่วมตั้งจุดคัดกรองโควิด -19

ญาติที่เข้าเยี่ยมอย่างเคร่งครัด
บรรยากาศวันนี้ ที่เรือนจำกลางพัทลุง ได้เปิดให้ญาติผู้ต้องขังเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังวันแรก หลังจากงดเยี่ยมเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคดังกล่าวแพร่เข้าสู่ภายในเรือนจำกลางจังหวัดพัทลุง

จึงได้ปิดเรือนจำให้ญาติงดเยี่ยมผู้ต้องขังมานานกว่า 2 เดือน และหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเริ่มคลี่คลาย สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ประกอบกับมีมาตรการผ่อนคลายจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพัทลุง ทำให้วันนี้ เหล่าบรรดาญาติของผู้ต้องขังได้มีการจองคิวเยี่ยม ผ่านระบบออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก คิวยาวไปจนถึงกลางเดือนมิถุนายน 2563นี้ เลยทีเดียว


ด้านเจ้าหน้าที่เรือนจำเรือนพัทลุง ก็วางมาตรการเข้มงวด ตั้งจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิร่างกาย และญาติทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากผ้าหรือ หน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์ ก่อนเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังทุกครั้ง และจัดให้ญาติเข้าเยี่ยมได้รอบละ 4 คน ครั้งละ 15 นาทีต่อรอบ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดสถานที่เยี่ยมผู้ต้องขังทันที ก่อนให้ญาติรอบต่อไปเข้าเยี่ยม ซึ่งเรือนจำกลางพัทลุงเปิดโอกาสให้ญาติเยี่ยมได้จำนวน 24 รอบต่อวัน

นายธรณ์ธันย์ บัวกิ่ง ผู้บัญชาการเรือนจำกลางพัทลุง กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดโอกาสให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง ซึ่งญาติได้แจ้งความประสงค์เยี่ยมโดยการจองคิวเยี่ยมระบบออนไลน์ ซึ่งทางเรือนจำกลางได้จัดคิวเยี่ยมจำนวน 4 คนต่อและจำนวน 24 รอบต่อวัน รวมญาติที่เข้าเยี่ยมได้ต่อวันประมาณ 96 คน เท่านั้น สามารถพูดคุยได้เพียง 15 นาที และทางเรือนจำกลางพัทลุงจะวางมาตรการเข้มงวดกับญาติ มีการวัดอุณหภูมิร่างกาย ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์ ก่อนเข้าเยี่ยมทุกครั้ง


และสำหรับญาติที่ต้องการจองคิวเยี่ยม ผ่านทางระบบออนไลน์เท่านั้น จะมีคิวเยี่ยมในแต่ละวันที่ชัดเจน หากญาติไม่เข้าใจขั้นตอน ให้โทรศัพท์สอบถามรายละเอียดก่อนเดินทางเข้าเยี่ยม เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการเดินทาง นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้ญาติเยี่ยมพูดคุยผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ได้อีกด้วย.

รวบเพชรขาเป๋ห้วยเนียง ได้พร้อมของกลางยาบ้าพบเพิ่งเคยพ้นโทษมาได้แค่สองเดือนเศษ


ร.ต.อ.ประเสริฐ วัฒน์หนู หน.ชุดสืบสวน สภ.บางแก้ว ร่วมกับ ร.ต.อ.จำเริญ อินทร์แก้ว หน.ชป.การข่าวและความมั่นคง กก.สส.ภจว.พัทลุง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุด ฉก.ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง

ได้สนธิกำลังร่วมกันบุกรวบตัวนาย เพชรขาเป๋ห้วยเนียง หรือ นายสมเจต เสียงเสนาะ อายุ 28 ปี ได้คาบ้านพักเลขที่ 117/2 ม.5 บ.ห้วยเนียง ต.โคกสัก อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ได้พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 645 เม็ด ที่วางซุกซ่อนกระจายอยู่ทั่วบ้านพัก พร้อมเงินสดล่อซื้ออีกจำนวนหนึ่ง


เพชรขาเป๋ห้วยเนียง หรือ นายสมเจตฯ ผู้ต้องหา เป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ ต.โคกสัก ของ อ.บางแก้ว และจากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาเพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติดมาได้แค่ 2 เดือนเศษเท่านั้น พอพ้นโทษออกมา ก็ไม่รู้จะไปทำงานหรือประกอบอาชีพอะไร เนื่องจากตนเองมีความพิการ แขนขาอ่อนแรง


ผู้ต้องหา ยังรับสารภาพเพิ่มอีกว่า ทุกครั้งที่ตนไปรับยาเสพติดมาขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ ก็จะมีการจ้างวานนักเลงที่ติดยาเสพติดให้ไปเอาของให้แลกกับค่าจ้างเป็นยาเสพติดประมาณ 4 ถึง 5 เม็ดต่อครั้ง เพราะตนขับรถเองไม่ได้ ไปไหนก็ไม่สะดวก ส่วนกำไรที่ได้จากการขายยาเสพติดอาทิตย์ละกว่าหมื่นบาท ก็นำไปเลี้ยงยายและใช้จ่ายภายในครอบครัว
ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จะควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้วเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ตำรวจเร่งล่ามือปืนบุกยิงอริคาบ้านพัก ดับ 1 เจ็บ 1 คาดปมขัดแย้งส่วนตัว

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกชะงาย พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบบริเวณบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ ต.นาท่อม อ.เมือง จ.พัทลุง หลังเกิดเหตุมีคนร้ายใช้ผ้าขาวม้าปิดบังใบหน้า ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาบริเวณบ้านหลังดังกล่าว ก่อนใช้ปืนยิงถล่มจำนวนหลายนัด เป็นเหตุให้นายนิสาโรจน์ หรือโรจน์ จันทร์ทอง อายุ 47 ปี เสียชีวิต และ นายโสภณ หรือบอย สุวรรณจำรูญ อายุ 34 ปี บาดเจ็บสาหัส ซึ่งทั้งสองคนเป็นญาติกัน เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจลงพื้นที่เร่งหาหลักฐาน พร้อมสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง พุ่งปมความขัดแย้งไปที่ประเด็นเรื่องส่วนตัว


ในที่เกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบร่องรอยของกระสุนปืนจำนวนมาก ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 9 ปลอก และหัวกระสุนปืนอีกหลายหัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์สีแดง ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน มาวนเวียนบริเวณบ้านพักหลังดังกล่าว จังหวะที่นายโสภณฯ ผู้บาดเจ็บ

ซึ่งเพิ่งกลับมาจากตัดหญ้าให้วัว ขับรถกระบะมาจอดบริเวณบ้าน และกำลังก้าวลงจากรถ คนร้ายก็ใช้ปืนกระหน่ำยิง นายโสภณฯ ทันที ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณชายโครงขวา แขน สะโพก และลูกอัณฑะ บาดเจ็บสาหัส ส่วนนายนิสาโรจน์ฯ ผู้ตายซึ่งอยู่ภายในบ้านได้ยินเสียงปืน จึงวิ่งออกมาดู ทำให้คนร้ายกราดยิงใส่ไปอีกคนกระสุนปืนถูกเข้าที่บริเวณใต้ราวนม แขน และขาด้านซ้าย บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา


และล่าสุดในขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเรียกสอบปากคำผู้มีส่วนเกี่ยว พร้อมเร่งหาหลักฐานเพิ่มเติมทั้งที่เกิดเหตุ และกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้ก่อนและหลังเกิดเหตุ คาดสามารถจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ไม่ยาก.

ซวยซ้ำซวยซ้อน เจ็บตัวแล้วยังต้องติดคุกอีก

เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เร่งลงพื้นที่บ้านพลายทอง ม.9 ต.พญาขัน อ.เมือง จ.พัทลุง หลังได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถชน จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บเพศชาย มีรอยถลอกตามตัว และขาซ้ายผิดรูปทั้ง 2 ราย จึงเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุง เพื่อรักษาอาการต่อไป


ทราบชื่อผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย คือ นายนพพร พูลเพิ่ม อายุ 27 ปี คนขับ และนายคมสันติ์ ชัยศรียา คนนั่งซ้อนท้ายอายุ 31ปี ใกล้กันในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบรถ จยย.ฮอนด้าเวฟสีดำ-แดง ป้ายทะเบียน 1กง-9512พัทลุง ในสภาพถูกชนด้านข้างเสียหาย รถยนต์ ส่วนรถยนต์กระบะฟอร์ดเรนเจอร์ 4 ประตูสีขาว ป้ายทะเบียน 7กฉ-3139 กรุงเทพมหานคร รถคู่กรณีด้านหน้าพังเสียหายเล็กน้อย


และนอกจากนี้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยังพบยาบ้า และไอซ์ จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ราย ตกอยู่เกลื่อนถนน พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจยึดหลักฐานทั้งหมดไว้เพื่อตรวจสอบที่มาของยาเสพติดดังกล่าวต่อไป


จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายได้ขับรถ จยย.ออกมาจากซอย และเลี้ยวตัดหน้ารถยนต์กระบะที่ขับมาทางตรงในระยะกระชั้นชิด จนทำให้รถยนต์กระบะเบรกไม่ทันชนเข้าอย่างจัง หลังจากนั้นชาวบ้านก็โทรประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือคนเจ็บ และพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย.

ตร.สนธิกำลังร่วมกับตำรวจป่าไม้บุกทลายแหล่งปลูกกัญชาในพื้นที่ป่าพะยอม

ร.ต.อ.จำเริญ อินทร์แก้ว หัวหน้าชุดปฏิบัติการ การข่าวกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.พัทลุง สนธิกำลังร่วมกับร.ต.อ.ณรงค์ หนูอักษร หัวหน้าชุด ชปข.ร้อย ตชด.434 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 434 พัทลุง และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(กก.6 บก.ปทส.) บุกทลายแหล่งปลูกกัญชาในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย ต้นกัญชาสดอีกจำนวนหนึ่ง


ผลการจับกุมสืบเนื่องมาจาก มีการร้องเรียนว่าในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง มีการลักลอบปลูกต้นกัญชาไว้ขายจำนวนหลายแปลง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนสนธิกำลังร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบดังกล่าว จำนวน 2จุด
ซึ่งจุดแรกอยู่ในพื้นที่ บ้านควนตะแบก ม.9 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม ซึ่งเป็นบ้านของนายทัศน์ คงแก้วขาว อายุ 55 ปี ซึ่งพบมีการลักลอบปลูกกัญชาแซมไว้ในสวนทุเรียนบริเวณข้างบ้าน จำนวนหลายต้น ทางด้านนายทัศน์ฯ เจ้าของบ้านก็ยอมรับว่าต้นกัญชาดังกล่าวเป็นของตนเองจริง โดยอ้างว่าปลูกไว้เพื่อใช้ทำเป็นยารักษาโรคเบาหวาน


ในจุดที่ 2 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบต่อเนื่องบริเวณสวนพริกขี้หนู ในพื้นที่ บ.ไสเลียบ ม.5 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม พบมีการลักลอบปลูกกัญชาแซมไว้ตามร่อง ที่ปลูกต้นพริกขี้หนู แต่ไม่พบผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของสวนพริกดังกล่าว จึงตรวจยึดต้นกัญชาสดที่พบไว้ตรวจสอบ เพื่อติดตามหาตัวเจ้าของสวนมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าทางเจ้าของบ้านที่ปลูกต้นกัญชา จะอ้างว่าปลูกไว้เพื่อใช้ทำเป็นยารักษาโรคใดๆก็ตาม แต่ทางกฎหมายในประเทศไทยก็ยังไม่อนุญาตให้ปลูกกัญชาได้อย่างเสรี ทางเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องมีการกวาดล้าง ถอนทำลาย และแจ้งข้อหาคนที่ลักลอบปลูกต้นกัญชา ในข้อหา ผลิตโดยการปลูกยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชาต้น) และครอบครองโดยผิดกฎหมาย.

นาที เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งเข้าช่วยเหลือหนุ่มปีนเขาอกทะลุ พลาดท่าล้มลงบาดเจ็บ

เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง ได้รับประสานจากพลเมืองดี ว่ามีคนขึ้นไปปีนเขาอกทะลุ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง ต.คูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง ประมาณ 10 กว่าคน ระหว่างทางลงมีหินหล่นใส่ ทำให้พลาดท่าล้มลงได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง กว่าจะช่วยกันลำเลียงคนเจ็บจากยอดเขาอกทะลุ ลงสู่ด้านล่าง อย่างทุลักทุเล ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องอยู่เป็นระยะๆ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลพัทลุง เพื่อรักษาอาการต่อไป


ผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อคือ นายสิทธินนท์ สู่ภิภักดิ์ อายุ 15 ปี ได้รับบาดเจ็บมีแผลฉีกขาดบริเวณใต้คาง และบริเวณศีรษะ อยู่ในอาการสลึมสลือ ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว และจากการสอบถามเพื่อนคนเจ็บที่มาด้วยกัน ทราบว่า คนเจ็บและเพื่อนๆอีกประมาณ 10 กว่าคน ได้ชวนกันมาเที่ยวบนยอดเขาอกทะลุ ก่อนปีนขึ้นไปยังจุดสูงสุดบนยอดเขาตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา จนกระทั่งเริ่มค่ำ จึงได้ชวนกันลง

แต่ระหว่างทางที่ไต่เชือกลงมานั้น ได้มีหินหล่นลงมา เนื่องจากสภาพอากาศในพื้นที่นั้น มีลมแรง ครึ้มฟ้าครึ้มฝน อาจทำให้หินบางส่วนเกิดการกร่อนและร่วงหล่นลง ตกใส่คนเจ็บจนพลาดท่าตกลงมาติดอยู่กับตาข่ายระหว่างช่องลม กับจุดสูงสุดประมาณ 15 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เคยมาปีนเขาอกทะลุจะทราบดีว่า เมื่อเดินขึ้นบันไดมาถึงจุดช่องลม ที่มีลักษณะเป็นรอยอกทะลุ ก็จะมีเชือกสำหรับปีนไต่ เพื่อขึ้นไปชมบรรยากาศด้านบนสุดของยอดเขาอกทะลุอีกทีหนึ่ง ซึ่งจุดนี้เอง ที่ทำให้คนเจ็บพลาดท่าตกลงมา จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว.

น้องเบิ้ลลี่ หนูน้อยวัย 6 ขวบ ออกสเต็ปเต้นเรียกลูกค้า ช่วยแม่และครอบครัวขายทุเรียน และกำลังโด่งดังอยู่ในแอฟติ้กต็อกอยู่ในขณะนี้

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังแผงขายทุเรียน ที่ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย ฝั่งขาขึ้น เยื้องหน้า ธ.ก.ส.สาขาป่าพะยอม มีลูกค้ารอเข้าคิวเลือกซื้อทุเรียนกันอยู่เป็นจำนวนมาก หน้าร้านก็พบหนูน้อยวัย 6 ขวบ ยืนโชว์สเต็ปเต้นประกอบเพลง สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ให้กับลูกค้าที่แวะซื้อทุเรียน และผู้คนที่ผ่านไปมาเป็นอย่างมาก บวกกับความน่ารักของหนูน้อยคนดังกล่าวด้วย


นางจิรัชญา เขียวปากพนัง หรือแม่ฝน อายุ 23 ปี แม่ของน้องเบิ้ลลี่ เล่าให้ฟังว่า น้องเบิ้ลลี่เป็นเด็กอารมณ์ดี ชอบรำมโนราห์ ชอบเต้นมาก และชอบแต่งหน้าตัวเองด้วย น้องเบิ้ลลี่ หรือ เด็กชาย ณัฐภัทร เขียวปากพนัง อายุ 6 ขวบ กำลังเรียนอยู่โรงเรียนอนุบาลป่าพะยอม อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง น้องเบิ้ลลี่จะมีนิสัยคล้ายเด็กผู้หญิงมาตั้งแต่เล็กๆที่เริ่มจำความได้ และเคยพูดกับแม่ว่า แม่ห้ามบอกยายนะว่าน้องเป็นกะเทย เพราะกลัวยายดุ แต่ตัวแม่ฝนและครอบครัวเอง ก็สนับสนุนที่น้องเป็นแบบนี้ ไม่เคยมองว่าลูกของตัวเองมีปมด้อยแต่อย่างใด


ทางด้าน นายสันติภาพ เขียวปากพนัง หรือลุงเผือก เป็นลุงของน้องเบิ้ลลี่ อีกทั้งยังเป็นป๋าดันให้น้องเบิ้ลลี่ในการทำกิจกรรมทุกอย่างที่น้องเบิ้ลลี่ชอบอีกด้วย หรือลุงเผือก เล่าเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้านี้เห็นน้องมาช่วยครอบครัวขายทุเรียน และในระหว่างที่ขายทุเรียนที่แผง ก็มีการเปิดเพลงไปด้วย ทำให้น้องเบิ้ลลี่ออกสเต็ปเต้นโชว์ลีลา ตนถึงถ่ายคลิป จนมีคนเข้ามาดู ติดตาม และมีการแชร์ออกไปในโซเซียล จนโด่งดัง มีคนเข้ามาจ้างงานให้ไปเต้นโชว์อีกหลายราย และหลังจากนั้นได้นำไปเผยแพร่ในแอฟติ้กต็อก จนมียอดติดตาม คนเข้าดูทะลุไปกว่า 6 ล้านวิวแล้วในขณะนี้ น้องเบิ้ลลี่นอกจากจะมาช่วยคุณยายขายทุเรียนแล้ว ช่วงเช้ายังช่วยแม่ขายปาท๋องโก๋ หารายได้เสริมอีกด้วย


แผงทุเรียน ที่ทางครอบครัวน้องเบิ้ลลี่ ไปเต้นอยู่ มีทุเรียนจำหน่ายมากมายทั้ง ทุเรียนหมอนทอง ชะนี ก้านยาว พวงมณี กระดุม หลังจากมีคลิปของน้องเบิ้ลลี่เผยแพร่ออกไป ทำให้มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาซื้อถึงวันละไม่น้อยกว่า 2 ตัน บางรายมาถึงก็ต้องถามมหาน้องเบิ้ลลี่ก่อนอันดับแรก พร้อมให้น้องเต้นให้ดูด้วย.

นักธุรกิจรุ่นใหม่ จับมือหอการค้าและภาคเอกชน ระดมทุนจัดถุงยังชีพ ส่งต่อน้ำใจมอบให้แรงงาน สู้ภัยโควิด-19

ตัวแทนนักธุรกิจรุ่นใหม่ในพื้นที่ จ.พัทลุง จับมือร่วมหอการค้า จ.พัทลุง และสมาพันธ์ธุรกิจ SME สภาอุตสาหกรรม ชมรมธนาคารไทย สมาคมส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ และไปรษณีย์ จ.พัทลุง รวมใจจัดโครงการดีๆเพื่อแรงงานในสถานประกอบการในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาวะวิกฤติโควิด-19 โดยการร่วมกันระดมทุน จัดถุงยังชีพ จากทุกภาคส่วนทั้งเอกชน และบุคคลทั่วไปที่มีจิตศรัทธา เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้แรงงานได้ครอบคลุมทั่วพื้นที่ จ.พัทลุง ภายใต้โครงการ “ภาคเอกชนและชาวพัทลุงร่วมใจสู้ภัยวิด-19


ซึ่งในวันนี้ทางตัวแทนนักธุรกิจหลายคน ก็ได้มาช่วยกันแพ็คถุงยังชีพ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร อาหารสำเร็จรูปต่างๆ เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับกลุ่มแรงงานทั่วพื้นที่จังหวัดพัทลุง ที่ได้ลงทะเบียนไว้ผ่านทาง หน้าเพจ “พัทลุงรวมใจ” ไว้ก่อนหน้านี้


นางสาว พสุกานต์ ลาภานุพัฒนกุล ประธานหอการค้าจังหวัดพัทลุงและ พญ.ปิติยุวดี วิริยะวัชรากร ประธานYECผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า กิจกรรมนี้เกิดจากภาคเอกชนใน6 หน่วยงานที่จับมือร่วมกันระดมทุนจัดถุงยังชีพ ส่งต่อน้ำใจมอบให้แรงงาน สู้ภัยโควิด-19 ซึ่งเป้าหมายหลักก็จะเน้นกลุ่มแรงงานในสถานประกอบการที่ว่างงาน ขาดรายได้เลี้ยงครอบครัวในช่วงภาวะวิกฤติโรคโควิด-19 และในตอนนี้ก็สามารถระดมทุน จัดถุงยังชีพ ได้จำนวน 700 ชุด เตรียมส่งมอบให้กับกลุ่มแรงงานที่ผ่านการคัดเลือก เริ่มทยอยส่งได้ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.63นี้ เป็นต้นไป โดยทางไปรษณีย์จังหวัดพัทลุง จะอาสาจัดส่งมอบให้กับกลุ่มแรงงานถึงหน้าบ้าน ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายในการรับของแต่อย่างใด


และทางด้าน นายธานินทร์ จริงจิตร ตัวแทนนักธุรกิจ ในพื้นที่ จ.พัทลุง ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการดีๆนี้ จัดขึ้นเพื่อส่งกำลังใจ ใส่ถุงยังชีพให้กับแรงงาน มี2 ระยะด้วยกัน คือ ระยะแรก กลุ่มแรงงานที่ไม่เคยได้รับการเยียวยาช่วยเหลือใดๆจากทางภาครัฐ และระยะที่สองเป็นบุคคลทั่วไป สามารถเข้ามาลงทะเบียนได้ที่ หน้าเพจ “พัทลุงรวมใจ” เข้าเฟสบุ๊ค พิมพ์ภาษาไทย “พัทลุงรวมใจ” ได้เลย และใครที่ลงไม่เป็น หรือมีคนรู้จักอยู่ในละแวกบ้านช่วยทำให้ เข้าไปหน้าเพจและส่งข้อความไป มีแอดมินและเจ้าหน้าที่คอยแนะนำให้ความช่วยเหลือให้อย่างเต็มที่ ก่อนทิ้งท้ายข้อความน่ารักๆไว้ว่า เราอยากจะให้ทุกคนผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
และสำหรับใครที่สนใจจะร่วมบริจาค ร่วมแบ่งปันช่วยเหลือ ก็สามารถบริจาคผ่านบัญชี “ภาคเอกชนและชาวพัทลุงร่วมใจสู้ภัยโควิด-19” ผ่านบัญชี ธ.กสิกรไทย เลขที่ 068-8-94889-4 ได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุด.

เทศบาลเมืองพัทลุงปันสุขสู้ภัยโควิด 19

วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 เวลา 13.30 น. เทศบาลเมืองพัทลุง โดยนายสุเมธ บุญยก นายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “เทศบาลเมืองพัทลุงปันสุขสู้ภัยโควิด 19” ซึ่งเทศบาลเมืองพัทลุง โดยคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ พนักงานเทศบาล ประธานคณะกรรมการชุมชน คณะกรรมการพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองพัทลุง อสม.พ่อค้าแม่ค้า ประชาชนทุกภาคส่วน

ร่วมแรงร่วมใจจัดกิจกรรม “เทศบาลเมืองพัทลุงปันสุขสู้ภัยโควิด 19” โดยจัดให้มีตู้ปันสุข แบ่งปันเครื่องอุปโภค บริโภคให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ขาดรายได้เนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพได้ในช่วงที่มีการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถมารับของจากตู้ปันสุขได้ ณ บริเวณอาคารโรงอาหารเทศบาลเมืองพัทลุง ตั้งแต่วันที่18 – 31 พฤษภาคม 2563 เวลา 14.00 – 16.00 น.(ยกเว้นวันเสาร์และวันอาทิตย์) และขอเชิญผู้มีจิตศรัทธานำสิ่งของอุปโภค บริโภคมาร่วมบริจาคได้ ตามวันและเวลาดังกล่าว