ตำรวจเร่งล่ามือปืนบุกยิงอริคาบ้านพัก ดับ 1 เจ็บ 1 คาดปมขัดแย้งส่วนตัว

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกชะงาย พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบบริเวณบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ ต.นาท่อม อ.เมือง จ.พัทลุง หลังเกิดเหตุมีคนร้ายใช้ผ้าขาวม้าปิดบังใบหน้า ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาบริเวณบ้านหลังดังกล่าว ก่อนใช้ปืนยิงถล่มจำนวนหลายนัด เป็นเหตุให้นายนิสาโรจน์ หรือโรจน์ จันทร์ทอง อายุ 47 ปี เสียชีวิต และ นายโสภณ หรือบอย สุวรรณจำรูญ อายุ 34 ปี บาดเจ็บสาหัส ซึ่งทั้งสองคนเป็นญาติกัน เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจลงพื้นที่เร่งหาหลักฐาน พร้อมสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง พุ่งปมความขัดแย้งไปที่ประเด็นเรื่องส่วนตัว


ในที่เกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบร่องรอยของกระสุนปืนจำนวนมาก ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 9 ปลอก และหัวกระสุนปืนอีกหลายหัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์สีแดง ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน มาวนเวียนบริเวณบ้านพักหลังดังกล่าว จังหวะที่นายโสภณฯ ผู้บาดเจ็บ

ซึ่งเพิ่งกลับมาจากตัดหญ้าให้วัว ขับรถกระบะมาจอดบริเวณบ้าน และกำลังก้าวลงจากรถ คนร้ายก็ใช้ปืนกระหน่ำยิง นายโสภณฯ ทันที ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณชายโครงขวา แขน สะโพก และลูกอัณฑะ บาดเจ็บสาหัส ส่วนนายนิสาโรจน์ฯ ผู้ตายซึ่งอยู่ภายในบ้านได้ยินเสียงปืน จึงวิ่งออกมาดู ทำให้คนร้ายกราดยิงใส่ไปอีกคนกระสุนปืนถูกเข้าที่บริเวณใต้ราวนม แขน และขาด้านซ้าย บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา


และล่าสุดในขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเรียกสอบปากคำผู้มีส่วนเกี่ยว พร้อมเร่งหาหลักฐานเพิ่มเติมทั้งที่เกิดเหตุ และกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้ก่อนและหลังเกิดเหตุ คาดสามารถจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ไม่ยาก.

ซวยซ้ำซวยซ้อน เจ็บตัวแล้วยังต้องติดคุกอีก

เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เร่งลงพื้นที่บ้านพลายทอง ม.9 ต.พญาขัน อ.เมือง จ.พัทลุง หลังได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถชน จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บเพศชาย มีรอยถลอกตามตัว และขาซ้ายผิดรูปทั้ง 2 ราย จึงเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุง เพื่อรักษาอาการต่อไป


ทราบชื่อผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย คือ นายนพพร พูลเพิ่ม อายุ 27 ปี คนขับ และนายคมสันติ์ ชัยศรียา คนนั่งซ้อนท้ายอายุ 31ปี ใกล้กันในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบรถ จยย.ฮอนด้าเวฟสีดำ-แดง ป้ายทะเบียน 1กง-9512พัทลุง ในสภาพถูกชนด้านข้างเสียหาย รถยนต์ ส่วนรถยนต์กระบะฟอร์ดเรนเจอร์ 4 ประตูสีขาว ป้ายทะเบียน 7กฉ-3139 กรุงเทพมหานคร รถคู่กรณีด้านหน้าพังเสียหายเล็กน้อย


และนอกจากนี้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยังพบยาบ้า และไอซ์ จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ราย ตกอยู่เกลื่อนถนน พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจยึดหลักฐานทั้งหมดไว้เพื่อตรวจสอบที่มาของยาเสพติดดังกล่าวต่อไป


จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายได้ขับรถ จยย.ออกมาจากซอย และเลี้ยวตัดหน้ารถยนต์กระบะที่ขับมาทางตรงในระยะกระชั้นชิด จนทำให้รถยนต์กระบะเบรกไม่ทันชนเข้าอย่างจัง หลังจากนั้นชาวบ้านก็โทรประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือคนเจ็บ และพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย.

ตร.สนธิกำลังร่วมกับตำรวจป่าไม้บุกทลายแหล่งปลูกกัญชาในพื้นที่ป่าพะยอม

ร.ต.อ.จำเริญ อินทร์แก้ว หัวหน้าชุดปฏิบัติการ การข่าวกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.พัทลุง สนธิกำลังร่วมกับร.ต.อ.ณรงค์ หนูอักษร หัวหน้าชุด ชปข.ร้อย ตชด.434 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 434 พัทลุง และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(กก.6 บก.ปทส.) บุกทลายแหล่งปลูกกัญชาในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย ต้นกัญชาสดอีกจำนวนหนึ่ง


ผลการจับกุมสืบเนื่องมาจาก มีการร้องเรียนว่าในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง มีการลักลอบปลูกต้นกัญชาไว้ขายจำนวนหลายแปลง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนสนธิกำลังร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบดังกล่าว จำนวน 2จุด
ซึ่งจุดแรกอยู่ในพื้นที่ บ้านควนตะแบก ม.9 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม ซึ่งเป็นบ้านของนายทัศน์ คงแก้วขาว อายุ 55 ปี ซึ่งพบมีการลักลอบปลูกกัญชาแซมไว้ในสวนทุเรียนบริเวณข้างบ้าน จำนวนหลายต้น ทางด้านนายทัศน์ฯ เจ้าของบ้านก็ยอมรับว่าต้นกัญชาดังกล่าวเป็นของตนเองจริง โดยอ้างว่าปลูกไว้เพื่อใช้ทำเป็นยารักษาโรคเบาหวาน


ในจุดที่ 2 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบต่อเนื่องบริเวณสวนพริกขี้หนู ในพื้นที่ บ.ไสเลียบ ม.5 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม พบมีการลักลอบปลูกกัญชาแซมไว้ตามร่อง ที่ปลูกต้นพริกขี้หนู แต่ไม่พบผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของสวนพริกดังกล่าว จึงตรวจยึดต้นกัญชาสดที่พบไว้ตรวจสอบ เพื่อติดตามหาตัวเจ้าของสวนมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าทางเจ้าของบ้านที่ปลูกต้นกัญชา จะอ้างว่าปลูกไว้เพื่อใช้ทำเป็นยารักษาโรคใดๆก็ตาม แต่ทางกฎหมายในประเทศไทยก็ยังไม่อนุญาตให้ปลูกกัญชาได้อย่างเสรี ทางเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องมีการกวาดล้าง ถอนทำลาย และแจ้งข้อหาคนที่ลักลอบปลูกต้นกัญชา ในข้อหา ผลิตโดยการปลูกยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชาต้น) และครอบครองโดยผิดกฎหมาย.

นาที เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งเข้าช่วยเหลือหนุ่มปีนเขาอกทะลุ พลาดท่าล้มลงบาดเจ็บ

เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง ได้รับประสานจากพลเมืองดี ว่ามีคนขึ้นไปปีนเขาอกทะลุ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง ต.คูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง ประมาณ 10 กว่าคน ระหว่างทางลงมีหินหล่นใส่ ทำให้พลาดท่าล้มลงได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง กว่าจะช่วยกันลำเลียงคนเจ็บจากยอดเขาอกทะลุ ลงสู่ด้านล่าง อย่างทุลักทุเล ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องอยู่เป็นระยะๆ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลพัทลุง เพื่อรักษาอาการต่อไป


ผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อคือ นายสิทธินนท์ สู่ภิภักดิ์ อายุ 15 ปี ได้รับบาดเจ็บมีแผลฉีกขาดบริเวณใต้คาง และบริเวณศีรษะ อยู่ในอาการสลึมสลือ ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว และจากการสอบถามเพื่อนคนเจ็บที่มาด้วยกัน ทราบว่า คนเจ็บและเพื่อนๆอีกประมาณ 10 กว่าคน ได้ชวนกันมาเที่ยวบนยอดเขาอกทะลุ ก่อนปีนขึ้นไปยังจุดสูงสุดบนยอดเขาตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา จนกระทั่งเริ่มค่ำ จึงได้ชวนกันลง

แต่ระหว่างทางที่ไต่เชือกลงมานั้น ได้มีหินหล่นลงมา เนื่องจากสภาพอากาศในพื้นที่นั้น มีลมแรง ครึ้มฟ้าครึ้มฝน อาจทำให้หินบางส่วนเกิดการกร่อนและร่วงหล่นลง ตกใส่คนเจ็บจนพลาดท่าตกลงมาติดอยู่กับตาข่ายระหว่างช่องลม กับจุดสูงสุดประมาณ 15 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เคยมาปีนเขาอกทะลุจะทราบดีว่า เมื่อเดินขึ้นบันไดมาถึงจุดช่องลม ที่มีลักษณะเป็นรอยอกทะลุ ก็จะมีเชือกสำหรับปีนไต่ เพื่อขึ้นไปชมบรรยากาศด้านบนสุดของยอดเขาอกทะลุอีกทีหนึ่ง ซึ่งจุดนี้เอง ที่ทำให้คนเจ็บพลาดท่าตกลงมา จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว.

น้องเบิ้ลลี่ หนูน้อยวัย 6 ขวบ ออกสเต็ปเต้นเรียกลูกค้า ช่วยแม่และครอบครัวขายทุเรียน และกำลังโด่งดังอยู่ในแอฟติ้กต็อกอยู่ในขณะนี้

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังแผงขายทุเรียน ที่ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย ฝั่งขาขึ้น เยื้องหน้า ธ.ก.ส.สาขาป่าพะยอม มีลูกค้ารอเข้าคิวเลือกซื้อทุเรียนกันอยู่เป็นจำนวนมาก หน้าร้านก็พบหนูน้อยวัย 6 ขวบ ยืนโชว์สเต็ปเต้นประกอบเพลง สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ให้กับลูกค้าที่แวะซื้อทุเรียน และผู้คนที่ผ่านไปมาเป็นอย่างมาก บวกกับความน่ารักของหนูน้อยคนดังกล่าวด้วย


นางจิรัชญา เขียวปากพนัง หรือแม่ฝน อายุ 23 ปี แม่ของน้องเบิ้ลลี่ เล่าให้ฟังว่า น้องเบิ้ลลี่เป็นเด็กอารมณ์ดี ชอบรำมโนราห์ ชอบเต้นมาก และชอบแต่งหน้าตัวเองด้วย น้องเบิ้ลลี่ หรือ เด็กชาย ณัฐภัทร เขียวปากพนัง อายุ 6 ขวบ กำลังเรียนอยู่โรงเรียนอนุบาลป่าพะยอม อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง น้องเบิ้ลลี่จะมีนิสัยคล้ายเด็กผู้หญิงมาตั้งแต่เล็กๆที่เริ่มจำความได้ และเคยพูดกับแม่ว่า แม่ห้ามบอกยายนะว่าน้องเป็นกะเทย เพราะกลัวยายดุ แต่ตัวแม่ฝนและครอบครัวเอง ก็สนับสนุนที่น้องเป็นแบบนี้ ไม่เคยมองว่าลูกของตัวเองมีปมด้อยแต่อย่างใด


ทางด้าน นายสันติภาพ เขียวปากพนัง หรือลุงเผือก เป็นลุงของน้องเบิ้ลลี่ อีกทั้งยังเป็นป๋าดันให้น้องเบิ้ลลี่ในการทำกิจกรรมทุกอย่างที่น้องเบิ้ลลี่ชอบอีกด้วย หรือลุงเผือก เล่าเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้านี้เห็นน้องมาช่วยครอบครัวขายทุเรียน และในระหว่างที่ขายทุเรียนที่แผง ก็มีการเปิดเพลงไปด้วย ทำให้น้องเบิ้ลลี่ออกสเต็ปเต้นโชว์ลีลา ตนถึงถ่ายคลิป จนมีคนเข้ามาดู ติดตาม และมีการแชร์ออกไปในโซเซียล จนโด่งดัง มีคนเข้ามาจ้างงานให้ไปเต้นโชว์อีกหลายราย และหลังจากนั้นได้นำไปเผยแพร่ในแอฟติ้กต็อก จนมียอดติดตาม คนเข้าดูทะลุไปกว่า 6 ล้านวิวแล้วในขณะนี้ น้องเบิ้ลลี่นอกจากจะมาช่วยคุณยายขายทุเรียนแล้ว ช่วงเช้ายังช่วยแม่ขายปาท๋องโก๋ หารายได้เสริมอีกด้วย


แผงทุเรียน ที่ทางครอบครัวน้องเบิ้ลลี่ ไปเต้นอยู่ มีทุเรียนจำหน่ายมากมายทั้ง ทุเรียนหมอนทอง ชะนี ก้านยาว พวงมณี กระดุม หลังจากมีคลิปของน้องเบิ้ลลี่เผยแพร่ออกไป ทำให้มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาซื้อถึงวันละไม่น้อยกว่า 2 ตัน บางรายมาถึงก็ต้องถามมหาน้องเบิ้ลลี่ก่อนอันดับแรก พร้อมให้น้องเต้นให้ดูด้วย.

นักธุรกิจรุ่นใหม่ จับมือหอการค้าและภาคเอกชน ระดมทุนจัดถุงยังชีพ ส่งต่อน้ำใจมอบให้แรงงาน สู้ภัยโควิด-19

ตัวแทนนักธุรกิจรุ่นใหม่ในพื้นที่ จ.พัทลุง จับมือร่วมหอการค้า จ.พัทลุง และสมาพันธ์ธุรกิจ SME สภาอุตสาหกรรม ชมรมธนาคารไทย สมาคมส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ และไปรษณีย์ จ.พัทลุง รวมใจจัดโครงการดีๆเพื่อแรงงานในสถานประกอบการในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาวะวิกฤติโควิด-19 โดยการร่วมกันระดมทุน จัดถุงยังชีพ จากทุกภาคส่วนทั้งเอกชน และบุคคลทั่วไปที่มีจิตศรัทธา เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้แรงงานได้ครอบคลุมทั่วพื้นที่ จ.พัทลุง ภายใต้โครงการ “ภาคเอกชนและชาวพัทลุงร่วมใจสู้ภัยวิด-19


ซึ่งในวันนี้ทางตัวแทนนักธุรกิจหลายคน ก็ได้มาช่วยกันแพ็คถุงยังชีพ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร อาหารสำเร็จรูปต่างๆ เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับกลุ่มแรงงานทั่วพื้นที่จังหวัดพัทลุง ที่ได้ลงทะเบียนไว้ผ่านทาง หน้าเพจ “พัทลุงรวมใจ” ไว้ก่อนหน้านี้


นางสาว พสุกานต์ ลาภานุพัฒนกุล ประธานหอการค้าจังหวัดพัทลุงและ พญ.ปิติยุวดี วิริยะวัชรากร ประธานYECผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า กิจกรรมนี้เกิดจากภาคเอกชนใน6 หน่วยงานที่จับมือร่วมกันระดมทุนจัดถุงยังชีพ ส่งต่อน้ำใจมอบให้แรงงาน สู้ภัยโควิด-19 ซึ่งเป้าหมายหลักก็จะเน้นกลุ่มแรงงานในสถานประกอบการที่ว่างงาน ขาดรายได้เลี้ยงครอบครัวในช่วงภาวะวิกฤติโรคโควิด-19 และในตอนนี้ก็สามารถระดมทุน จัดถุงยังชีพ ได้จำนวน 700 ชุด เตรียมส่งมอบให้กับกลุ่มแรงงานที่ผ่านการคัดเลือก เริ่มทยอยส่งได้ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.63นี้ เป็นต้นไป โดยทางไปรษณีย์จังหวัดพัทลุง จะอาสาจัดส่งมอบให้กับกลุ่มแรงงานถึงหน้าบ้าน ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายในการรับของแต่อย่างใด


และทางด้าน นายธานินทร์ จริงจิตร ตัวแทนนักธุรกิจ ในพื้นที่ จ.พัทลุง ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการดีๆนี้ จัดขึ้นเพื่อส่งกำลังใจ ใส่ถุงยังชีพให้กับแรงงาน มี2 ระยะด้วยกัน คือ ระยะแรก กลุ่มแรงงานที่ไม่เคยได้รับการเยียวยาช่วยเหลือใดๆจากทางภาครัฐ และระยะที่สองเป็นบุคคลทั่วไป สามารถเข้ามาลงทะเบียนได้ที่ หน้าเพจ “พัทลุงรวมใจ” เข้าเฟสบุ๊ค พิมพ์ภาษาไทย “พัทลุงรวมใจ” ได้เลย และใครที่ลงไม่เป็น หรือมีคนรู้จักอยู่ในละแวกบ้านช่วยทำให้ เข้าไปหน้าเพจและส่งข้อความไป มีแอดมินและเจ้าหน้าที่คอยแนะนำให้ความช่วยเหลือให้อย่างเต็มที่ ก่อนทิ้งท้ายข้อความน่ารักๆไว้ว่า เราอยากจะให้ทุกคนผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
และสำหรับใครที่สนใจจะร่วมบริจาค ร่วมแบ่งปันช่วยเหลือ ก็สามารถบริจาคผ่านบัญชี “ภาคเอกชนและชาวพัทลุงร่วมใจสู้ภัยโควิด-19” ผ่านบัญชี ธ.กสิกรไทย เลขที่ 068-8-94889-4 ได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุด.

เทศบาลเมืองพัทลุงปันสุขสู้ภัยโควิด 19

วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 เวลา 13.30 น. เทศบาลเมืองพัทลุง โดยนายสุเมธ บุญยก นายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “เทศบาลเมืองพัทลุงปันสุขสู้ภัยโควิด 19” ซึ่งเทศบาลเมืองพัทลุง โดยคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ พนักงานเทศบาล ประธานคณะกรรมการชุมชน คณะกรรมการพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองพัทลุง อสม.พ่อค้าแม่ค้า ประชาชนทุกภาคส่วน

ร่วมแรงร่วมใจจัดกิจกรรม “เทศบาลเมืองพัทลุงปันสุขสู้ภัยโควิด 19” โดยจัดให้มีตู้ปันสุข แบ่งปันเครื่องอุปโภค บริโภคให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ขาดรายได้เนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพได้ในช่วงที่มีการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถมารับของจากตู้ปันสุขได้ ณ บริเวณอาคารโรงอาหารเทศบาลเมืองพัทลุง ตั้งแต่วันที่18 – 31 พฤษภาคม 2563 เวลา 14.00 – 16.00 น.(ยกเว้นวันเสาร์และวันอาทิตย์) และขอเชิญผู้มีจิตศรัทธานำสิ่งของอุปโภค บริโภคมาร่วมบริจาคได้ ตามวันและเวลาดังกล่าว

เรียนออนไลน์วันแรก ทำเอาวุ่นกันตั้งแต่เช้า ผู้ปกครองต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

บรรยากาศการเรียน การสอนออนไลน์วันแรก โดยเรียนผ่านระบบเทคโนโลยีทางการศึกษาทางไกล เป็นมาตรการของกระทรวงศึกษาธิการ ในการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย และถือเป็นครั้งแรกของประเทศที่ได้มีการจัดการเรียนออนไลน์ในทุกระดับชั้น

ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมมือกับหน่วยงานทางการศึกษาหลากหลายหน่วยงาน ร่วมกันจัดทำการจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านฟรีทีวี 17 ช่อง เพื่อให้นักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างปลอดภัย ผ่านทางช่องทีวีดิจิทัล และได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมจัดการ “เรียนออนไลน์” ด้วยเช่นกัน โดยเผยแพร่สัญญาณผ่านดาวเทียมฯ (DLTV) ครอบคลุมทุกระดับชั้นการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษา

สำหรับในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุงนั้น ผู้ปกครอง ต่างตื่นตัววุ่นกันตั้งแต่เช้าโดยการจัดลูกๆระดับชั้นประถม มานั่งหน้าจอคอมพิเตอร์ พร้อมสอนให้เปิดเว็บเข้าดูการเรียนออนไลน์ และตารางการเรียนของแต่ละวัน

นางนภาพร เนตรเกื้อกูล หนึ่งในผู้ปกครอง ที่มีความพร้อมในเรื่องอุปกรณ์ประกอบการเรียน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอินเตอร์เน็ต เครื่องคอมพิเตอร์ ก่อนออกไปทำงาน ต้องสอนลูกชายวัย 12 ขวบที่กำลังเข้าเรียนชั้น ป.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.พัทลุง ถึงวิธีการเข้าถึงเว็บที่จะเรียนทางออนไลน์ ในแต่ละวัน

ในขณะที่ผู้ปกครองคนอื่นๆ ก็ต่างวุ่นกันตั้งแต่เช้าเหมือนกัน เพื่อเปิดโทรทัศน์ หาช่องสัญญาณผ่านดาวเทียมฯ (DLTV) ให้ตรงกับชั้นเรียนของของลูก หลานตัวเอง และผู้ปกครองบางรายยังต้องคอยดูแลบุตร หลาน อย่างใกล้ชิดเพื่อให้เด็กตั้งใจเรียน ผู้ปกครองบางรายที่มีบุตร หลานอยู่ในสายชั้นเดียวกันต่างโทรศัพท์หากันเพื่อปรึกษาแนะนำกัน และต่างพบว่าผู้ปกครองและลูกๆมีการตื่นตัว ที่จะเรียนทางระบบออนไลน์
แต่ยังคงผู้ปกครองจำนวนไม่น้อย ที่ยังคงหนักใจ เนื่องจากไม่ได้ดูแลอยู่ตลอดเวลา เกรงว่าเด็กๆอาจจะไม่ตั้งใจเรียนได้ และผู้ปกครองบางรายยังไม่เข้าใจถึงการเรียนออนไลน์ และยังทำกันไม่ถูกบ้างก็มี.

ไฟไหม้รถที่จอดอยู่หน้าบ้านคุณตาวัย 84ปี น้องชายอดีตผู้ว่าเมืองลุง โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

เมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือ สองตายาย หลังได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุไฟไหม้รถที่จอดอยู่หน้าบ้าน และกำลังลุกลามไหม้บ้าน ในพื้นที่ ชุมชนควนมะพร้าว เขตเทศบาลเมืองพัทลุง ต.คูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง


เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง ก็พบคุณตาวัย 84 ปี ทราบชื่อภายหลังคือ นายสานิตย์ สุภาไชยกิจ เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ และยังเป็นน้องชายของอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงอีกด้วย อยู่ในอาการตกใจ และสำลักควันไฟ จากการที่หาน้ำไปดับไฟที่ไหม้รถ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าปฐมพยาบาลช่วยเหลือเบื้องต้นจนอาการดีขึ้นแล้ว ทางด้านเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้


นางวีนัส สุภาไชยกิจ อายุ 76 ปี ภรรยาของคุณตาวัย 84 ปี เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและคุณตาได้เข้านอนตามปกติ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงดังป็อกแป็กขึ้น ในบริเวณที่จอดรถ ก็ออกมาดู ถึงกับตกใจเห็นไฟกำลังลุกไหม้รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถยนต์โตโยต้าแคป สีบรอนซ์ป้ายทะเบียน บง-7197 พัทลุง เป็นของลูกสาวของตนที่จอดไว้ไม่ได้ใช้งานนานมาก


ส่วนสาเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากระบบไฟภายในรถลัดวงจร ก่อนไหม้หม้อแบตเตอรี่และไหม้ลุกลามห้องเครื่องพังเสียหายทั้งหมด แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และเปลวไฟไม่ลุกลามไปไหม้บ้าน.

ตชด.434 พร้อมด้วย ตร.กองสืบพัทลุง ตามรวบเครือข่ายค้ายานรกรายสำคัญได้พร้อมของกลางจำนวนมาก


เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการข่าว ร้อย ตชด.434 พัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการข่าวและความมั่นคง กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.พัทลุง สนธิกำลังร่วมกันจับกุมตัวนายกัฐวิทย์ หรือบอล อนุกูล อายุ 33 ปี เครือข่ายค้ายาบ้ารายสำคัญในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมของกลางยาบ้า และไอซ์ ได้เป็นจำนวนมาก


ผลการจับกุม สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสืบทราบว่า มีเครือข่ายค้ายารายสำคัญในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เข้ามาทำการซื้อขายยาเสพติดในพื้นที่ จ.พัทลุง จึงสนธิกำลังเข้าตรวจค้น แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวมาสอบสวนและตรวจปัสสาวะ และจากการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติดเช่นกัน แต่จากการสอบสวนบุคคลดังกล่าวให้การซัดทอดไปยังเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา


หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้สนธิกำลังเข้าทำการล่อซื้อยาเสพติดจากเอเย่นต์รายดังกล่าวในพื้นที่ของ อ.หาดใหญ่ ได้สำเร็จ พร้อมของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 5,600 เม็ด และไอซ์ น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม เงินล่อซื้อจำนวนหนึ่ง ในระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุม นายกัฐวิทย์ หรือบอลฯ ผู้ต้องหาพยายามวิ่งหลบหนี แต่สุดท้ายไปไม่รอดถูกควบคุมตัวได้ในที่สุด ก่อนถูกควบคุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดี ในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า และไอซ์ ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ต่อไป.