สองบิ๊กลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคดีรังนก รอบ3 ออกหมายไปแล้ว 21 รายเข้ามอบตัวแล้ว 17 ราย เบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหาในรอบนี้ยังให้การปฏิเสธ

พัทลุง-สองบิ๊กลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคดีรังนกออกหมายเรียกรอบ3 อีก 21 ราย เบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหาในรอบนี้ยังให้การปฏิเสธ ด้านดีเอสไอเร่งสอบเส้นทางการเงินผู้ร่วมขบวนการ

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุระเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ตานิษย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภจว.พัทลุง และคณะชุดทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีรังนก หลังออกหมายเรียกผู้ร่วมขบวนการขโมยรังนกรอบที่ 3 ได้เพิ่มอีก 21 ราย เดินทางเข้ามอบตัวแล้ว 17 ราย เหลืออีก 4 คาดว่าจะเดินทางเข้ามอบตัวเพิ่มในอีกวันสองวันนี้ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาบางรายแจ้งว่าติดโควิด-19 จึงไม่สามารถเดินทางรับทราบข้อกล่าวหาได้

พล.ต.ท.สุระเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. กล่าวว่า สำหรับคดีนี้มีการออกหมายจับ และหมายเรียกไปแล้ว จำนวน 38 ราย เป็นเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่า 20 ราย จับและควบคุมตัวแล้ว 33 ราย เตรียมเข้ามอบตัวเพิ่มอีก4 ราย และยังคงหลบหนีอยู่อีก 1 ราย ซึ่งในรอบที่สามนี้มีผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการฝ่ายปกครองทั้งนายอำเภอ ปลัดอำเภอ อส. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วม 20 ราย ได้ทยอยเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกับทนายความ ในเบื้องต้นทั้งหมด จำนวน 17 คน ยังให้การปฏิเสธอ้างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวแต่อย่างใด

แต่ได้สั่งจัดชุดกำลังลงเฝ้าพื้นที่เกาะรังนกจริง ส่วนรายชื่อในรอบที่ 3 นี้ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลแต่อย่างใด เนื่องจากว่าขณะนี้การสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดยังไม่แล้วเสร็จ

ทางด้าน พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวผ่านโทรศัพท์ถึงความคืบหน้าในคดีรังนกว่า วันนี้มีข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับขบวนการขโมยรังนกเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ห้องประชุมกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.พัทลุง

ตามหมายเรียกแล้วบางส่วน ที่เหลือคาดว่าจะทยอยเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาอีกเรื่อยๆ และสำหรับใครที่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้วเสร็จ ก็จะมีการส่งผลการสอบไปให้ทางสำนักงาน ป.ปช.ดำเนินการต่อ เนื่องจากข้าราชการชั้นสูงทั้งหมดล้วนเป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีการทุจริต เรียกรับผลประโยชน์ จึงต้องส่งไปให้ทางสำนักงาน ป.ป.ช.ช่วยตรวจสอบอีกครั้ง
ส่วนทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาว่าจะรับผิดชอบทำคดีเอง หรือมอบให้พื้นที่เป็นคนดำเนินการสามารถพิจารณาได้ตามความเหมาะสมต่อไป

นายสุระลักษณ์ รัตนะศรี พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 9 กล่าวว่า การลงพื้นของเจ้าหน้าที่DSI และเจ้า ป.ป.ท.ครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมเพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน โดยการเข้าดูพื้นที่จริง เก็บข้อมูล ประเมิณความเสียหายหาความเชื่อมโยงของกระบวนการขโมยรังนกอีแอ่น เพื่อ วิเคราห์และสังเคราะห์ข้อมูล รวมถึงขยายผลในบางประเด็น โดยเฉพาะประเด็นเส้นทางการเงินของกระบวนการ ซึ่งเข้าข่ายทุจริตในหน้าที่

เนื่องจากคดีดั่งกล่าวมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหลายราย และยืนยันจะเอาผิดข้าราชการทุกรายโดยไม่มีข้อยกเว้น แต่ในเบื้องต้นข้าราชการที่ถูกออกหมายเรียกไปแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทุกราย.

กลุ่มเยาวชนปลดแอกพัทลุง จัดคาร์ม็อบ เข_ยิก ยุทธ์ พร้อมเผาหุ่นจำลอง

ตั้งแต่ช่วงเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา ทางกลุ่มเยาวชนปลดแอก นำโดยนาย ณัฐพงศ์ ตาแก้ว แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก และเครือข่าย นปช.อย่าง นายนวราษฎร์ ทักขภิวัฒน์ มาร่วมสมทบด้วย โดยมีการรวมตัวกันบริเวณหน้าศาลหลักเมืองพัทลุง แต่ทาง นายอำนวย เส้งสุ้น สจ.พัทลุง ได้ออกมาขอความร่วมมือทางกลุ่มเยาวชนปลดแอก ให้ย้ายสถานที่ในการรวมตัวในครั้งนี้ เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่เหมาะแก่การรวมตัวทำกิจกรรมดังกล่าว ทางกลุ่มเยาวชนปลดแอก จึงได้เคลื่อนย้ายมายังสวนสาธารณะกาญจนาภิเษก หรือบริเวณแยกท่ามิหรำ ในพื้นที่ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง ก่อนจะเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบไปตามเส้นเส้นทางสายถนนราเมศวร์ เข้าสู่ถนนบายพาส มุ่งหน้าสู่สี่แยกสะพานพร้าวใกล้จวนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เลี้ยวขวาเข้าสู่ตัวเมืองพัทลุง

ตลอดเส้นทางกลุ่มคาร์ม็อบได้มีการพูดปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล พร้อมชูสามนิ้วแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ร่วมด้วย ก่อนจะนัดรวมตัวกันที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้นสถานที่ ไม่ให้ทางกลุ่มเยาวชนปลดแอกเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว ทำให้ทางกลุ่มเยาวชนเคลื่อนขบวนต่อมายัง สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติหน้าวิทยาลัยสารพัดช่างแทน ก่อนผลัดเปลี่ยนกันปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการเรียนออนไลน์ โครงการเรียนฟรีที่ไม่มีอยู่จริง การจัดซื้อวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด_19 และการแก้ปัญหาด้านอื่นๆ ของรัฐบาล พร้อมเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนจะมีการเผาหุ่นจำลอง แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าทางกลุ่มฯ ไม่เอารัฐบาลลุงตู่ จนกระทั่งเวลา 16.45 น. ทางกลุ่มเยาวชนปลดแอกก็ได้ยุติการชุมนุม การแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีเหตุความรุนแรงใดๆเกิดขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดการเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบในวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยตลอดเส้นทาง.

บิ๊กโจ๊กลงพื้นที่ตามคดีรังนก ล่าสุดตามรวบได้เพิ่มอีก 10 ราย หลบหนีอีก 1

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจ ภาค 9 พล.ต.ต.ตานิษย์ รามดิษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าคดีขโมยรังนกอิแอ่น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับเพิ่มอีก 11 ราย


สำหรับผู้ร่วมขบวนการขโมยรังนกที่ถูกออกหมายจับล่าสุดทั้ง 11 ราย แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อส.จ.พัทลุง จำนวน 2 ราย ถูกแจ้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , เป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่

และชาวบ้านอีก 9 ราย ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันเก็บรังนกที่มีอยู่ตามธรรมชาติบนเกาะหรือในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ได้รับสัมปทานจากคณะกรรมการ, ร่วมกันเข้าไปกระทำการใดๆ บนเกาะ หรือในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่มีรังนกอยู่ตามธรรมชาติ อันเป็นหรืออาจเป็นอันตรายแก่นกอีแอ่น ไข่ของนกอีแอ่น หรือรังนก หรืออาจเป็นเหตุให้นกอีแอ่นละที่อยู่อาศัยไปจากเกาะหรือที่สาธารณสมบัติแผ่นดินดังกล่าว (ตาม พ.ร.บ.รังนกอีแอ่น พ.ศ.2540) , ร่วมกัน เก็บ ทำอันตราย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งรังของสัตว์ป่าคุ้มครอง, ล่าสัตว์ป่า หรือเก็บ หรือทำอันตรายแก่รังของสัตว์ป่านั้น ในพื้นที่ที่รัฐมนตรีประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า (ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ) หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายต่อไป ส่วนอีกรายที่ยังคงหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวอยู่ในขณะนี้.

ตร.ปล่อยแถวระดมกวาดล้างช่วงก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่น จับกุมผู้กระทำผิดพร้อมของกลางได้หลายรายการ

หลังจากในพื้นที่ จ.พัทลุง เกิดปัญหาการก่ออาชญากรรมเพิ่มขึ้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มมาตรการเข้มในการปฏิบัติหน้าที่ มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม โดยเฉพาะก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่น นายก อบต.และ ส.อบต. นอกจากนี้ยังมีการสั่งกำชับจับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มเป้าหมายอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

และในวันนี้ พล.ต.ต.วัลพล จำนงอาษา รอง.ผบช.ภ.9 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุง หลังจากเกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่บ่อยครั้ง ประกอบกับในช่วงนี้ เป็นช่วงก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่น อบต. หลายแห่ง ทางผู้สมัครมีการหาเสียงกันอย่างเข้มข้น เกรงจะเกิดการกระทบกระทั่งกัน จนนำไปสู่เหตุความรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เล็งเห็นความสำคัญ จึงสั่งตำรวจในพื้นที่เร่งระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงวันที่ 14 ถึง18 ต.ค.ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 15 ราย คดีที่เกี่ยวกับอาวุธปืน จำนวน 15 ราย คดียาเสพติดจำนวน 55 ราย คดีที่เกี่ยวข้องกับการพนัน 8 ราย และคดีอื่นๆ อีก จำนวน 5 ราย รวมผู้กระทำผิดทั้งหมดจำนวน 98 ราย ของกลางอาวุธปืนสั้น จำนวน 12 กระบอก

และเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ชปส.พัทลุง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าบอน ได้จับกุมผู้ต้องหารายสำคัญได้ 1 ราย คือ นายศุภวัฒน์ หรือวัฒน์ หรือแว็ด ทองศรีจันทร์ อายุ 34 ปี เป็นคนในพื้นที่ ต.ทุ่งนารี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง พร้อมด้วยของกลางยาบ้าอีกจำนวนหนึ่งอาวุธปืนเอ็ม 16 พร้อมเครื่องกระสุนขนาด 5.56 มม. จำนวน 79 นัด ถูกแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)โดยผิดกฎหมาย พร้อมตรวจยึดรถ จยย. จำนวน 1 คัน ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าบอน เพื่อดำเนินคดีต่อไป.

ICOFIS ลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้จากวิจัย คืนสุขสู่ชุมชน

เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ทีมวิจัยสถาบันปฏิบัติการชุมชนเพื่อการศึกษาแบบบูรณาการ ม.ทักษิณ ลงพื้นที่ชุมชนบ้านกล้วยเภา (ม.5) ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นพื้นที่วิจัยรูปแบบการจัดการนาแบบผสมผสานระบบอินทรีย์ “โมเดลนาสร้างสุข” เพื่อนำองค์ความรู้จากงานวิจัยคืนกลับสู่ชุมชน พร้อมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในครัวเรือน องค์ความรู้นี้เกิดจากการทำงานร่วมกันของ ICOFIS และนักวิจัยชุมชน กิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากเทศบาลตำบลดอนประดู่ นวัตกรชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวนาบ้านกล้วยเภา เนื่องจากชุมชนรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ “นาสร้างสุข” จากการมีส่วนร่วมทุกกระบวนการ ตั้งแต่เริ่มพัฒนาแปลงทดลอง ดูแลรักษา เก็บข้อมูลเพื่อการวิจัย เก็บเกี่ยวผลิตและทดลองแปรรูปจำหน่าย ซึ่งเป็นกลยุทธ์การทำงานร่วมกับชุมชนของ ICOFIS อย่างไรก็ตามเนื่องจากข้อจำกัดจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จึงมีระบบการคัดกรอง ป้องกัน และจำกัดจำนวนผู้ร่วมโดยผู้นำชุมชนอย่างเข้มงวด

นางสาวจิตรา จันโสด หัวหน้าทีมวิจัยให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลผลิตจากโมเดลนาสร้างสุขว่า “บนพื้นที่นา 1 ไร่ที่มีการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย 10,000 ตัว ได้ผลผลิตข้าวสังข์หยดอินทรีย์ 400 กก./ไร่เนื่องจากปัญหาอุทกภัยซึ่งน้อยกว่าปีที่ผ่านมาบนผืนนาแปลงเดียวกันทำได้ 700 กก./ไร่ เราพบว่าการปักดำด้วยจำนวนต้นกล้า 3 ต้นต่อกอระยะห่าง 25×25 ซม. ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ICOFIS  ในช่วงข้าวอายุ 30 วันหลังปักดำครั้งเดียวต้นข้าวเติบโตได้ดี ทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนด้านต้นกล้าได้  สำหรับปลาดุกมีอัตราการรอดร้อยละ 80 ได้น้ำหนักปลารวม 1,314 กก. ได้นำผลผลิตไปตรวจหาสารสำคัญแสดงปริมาณคุณค่าทางโภชนาการ และคำณวนต้นทุนการผลิต เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการผลิตจริงของชุมชน เช่น ใช้เพื่อวางแผนการควบคุมต้นทุน และการประเมินความคุ้มทุนในระยะต่างๆ เป็นต้น”

นางสาวพิมพ์ชนก แก้วอุดม นักวิชาการดูแลด้านการเพิ่มมูลค่าผลผลิต ได้ทดลองแปรรูปปลาดุกเป็นปลาดุกแดดเดียวเพื่อจัดจำหน่าย แลกเปลี่ยนว่า “ได้ถ่ายทอดกระบวนการแปรรูป ขั้นตอน สูตรและองค์ความรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์ของปัจจัยที่มีต่อคุณภาพผลผลิต แนะนำโอกาสในการเพิ่มมูลมูลค่า เช่น การเพิ่มภาพลักษณ์ให้กับสินค้าโดยแสดงคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งปลาดุกแดดเดียวนาสร้างสุขมีปริมาณโปรตีน 15% ลดปริมาณโซเดียมโดยยังคงรสชาติดี การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่องการเก็บรักษาและนำไปเป็นของฝากได้ เป็นต้น”

ในช่วงท้ายของการส่งคืนความรู้สถาบันฯ ได้รับฟังเสียงของชุมชน ซึ่งชุมชนได้ให้ข้อมูลสถานการณ์ของการจำหน่ายข้าวที่ยังคงขึ้นอยู่กับกลไกทางสังคม การพัฒนาระบบกลุ่มที่เข้มแข็ง เช่นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนน่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ในมิติด้านความสุขชุมชนเห็นพ้องต้องการว่าโมเดลนาสร้างสุขเป็นการนำศาสตร์พระราชาผนวกกับศาสตร์สากลมาใช้สร้างความมั่นคงทางอาหาร มีความสุขจากการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวและในชุมชน เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในชุมชนและมีกิจกรรมต่อเนื่อง ทำให้ในระยะเวลาที่ผ่านมาชุมชนบ้านกล้วยเภาเป็นที่รู้จักมากขึ้น

หลังเสร็จการส่งคืนความรู้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรไทย ศิริสาธิตกิจ รักษาการผู้อำนวยการฯ ดร.บัณฑิต ทองสงฆ์ รักษาการรองผู้อำนวยการ ได้ร่วมปักดำต้นกล้า เพื่อเป็นกำลังใจในการเริ่มต้นฤดูกาลทำนาของชุมชนบ้านกล้วยเภา…. สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลการทำนาผสมผสานระบบอินทรีย์ สามารถติดต่อสถาบันปฏิบัติการชุมชนเพื่อการศึกษาแบบบูรณาการ (นางสาวจิตรา จันโสด หัวหน้า

โครงการ) Facebook : Icofis Tsu

อุกอาจ คนร้ายบุกตามทวงหนี้ แค้นจ่อยิงตาย 2 เจ็บ1 กลางวันแสกๆ

เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย และ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพัทลุง เข้าตรวจสอบเหตุบุคคลถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต เหตุเกิดที่หน้าบ้านเลขที่ 59 ม.2 ต.ท่ามิหรำ อ.เมือง จ.พัทลุง

ในที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อ คือ ส.อ.โชคชัย ปานนุ่ม อายุ 34 ปี และ นายสุธรรม หนูนุ่น อายุ 52 ปี คนในพื้นที่ อ.เขาชัยสน และบาดเจ็บ 1 ราย คือ ร.ต.ต ทวี วรายุศิษย์ อายุ 70 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงไปแล้วก่อนหน้านี้ ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน ซึ่งเป็นปืนของผู้ตายทั้งสองราย

จากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า กลุ่มผู้ตายเดินทางมาทวงเงินกว่า 1 แสนบาท ที่บ้านในจุดเกิดเหตุโดยขณะนั้น มี ร.ต.ต ทวี ผู้บาดเจ็บและลูกชายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ทางกลุ่มผู้ตายและผู้บาดเจ็บ ก็มีการพูดคุยเจรจาทวงถามเรื่องเงิน แต่คาดว่าเคลียร์กันไม่ลง จึงเปิดศึกดวลปืนโดยทางกลุ่มของผู้ตายเปิดทางยิงก่อน

จนทำให้ ร.ต.ต ทวี เจ้าของบ้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนลูกชายของผู้บาดเจ็บพอเห็นพ่อถูกยิงก็คว้าปืนยิงสวนไปยังกลุ่มผู้ตาย จนทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ 2 ราย ส่วนปมเหตุความขัดแย้งในครั้งนี้ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ.

พัทลุง- เกลื่อม พูลสง ถูกหามส่ง รพ.ขณะเข้าประชุมติดตามความคืบหน้าคดีโจรขโมยรังนกที่รัฐสภา ล่าสุดแพทย์เตรียมผ่าตัดสมอง

ช่วงสายวันนี้ ทางคณะกรรมาธิการสัมปทานรังนกอิแอ่นพัทลุง ประกอบด้วย นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นายภูดิษ ชณะวรรณโณ นายอำเภอปากพะยูน พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง ตัวแทนจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่6 จ.สงขลา และ นายเกลื่อม พูลสง ประธานกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางมายังห้องประชุมกรรมาธิการ ชั้น 4 อาคารรัฐสภา กรุงเทพมหานคร เพื่อให้คณะกรรมาธิการสัมปทานรังนกแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประชุมชี้แจ้งเกี่ยวกับคดีรังนกหายที่พัทลุง โดยมี นายไพจิต ศรีวรขาน ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง นั่งเป็นประธานในการประชุมชี้แจงในครั้งนี้

แต่ในระหว่างที่มีการประชุมชี้แจงรายละเอียดอยู่นั้น นายเกลื่อมฯ ประธานกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ฯ เกิดอาการผิดปกติ เนื่องจาก นายเกลื่อมฯ เองมีโรคประจำตัวอยู่แล้วด้วย ทางคณะผู้ติดตามเลยขออนุญาตพานายเกลื่อมฯ ออกมาสังเกตอาการด้านนอกห้องประชุม แต่อาการกลับไม่ดีขึ้น จึงรีบนำตัว นายเกลื่อมฯ ส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ประชุมดังกล่าว

ขณะนี้ นายเกลื่อมฯ ยังคงอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด จะต้องรีบผ่าตัดสมองเนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตก และล่าสุดผลการผ่าตัดก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผู้ป่วยพ้นขีดอันตรายแล้ว ท่ามกลางกำลังใจจากคณะกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง ที่ยังเกาะติดอาการอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน

ในส่วนทางด้านที่ประชุมในวันนี้ ทุกฝ่ายก็ได้เข้าชี้แจงรายละเอียดครบถ้วนทุกฝ่าย และในวันที่ 20 ต.ค.64 ที่จะถึงนี้ ทางคณะกรรมมาธิการการปกครอง และคณะที่เกี่ยวข้องเตรียมลงพื้นที่เกาะรังนก เพื่อหาข้อมูลเชิงลึก และสอบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหายไปของรังนกที่พัทลุงอีกด้วย.

พัทลุง-แม่แห่ศพลูกชายประท้วงหน้าศาลากลาง เพื่อขอความเป็นธรรม และเร่งตำรวจตามคดีพร้อมยืนยันจับคนร้ายไม่ได้ไม่เผาศพลูก

พัทลุง-แม่แห่ศพลูกชายประท้วงหน้าศาลากลาง เพื่อขอความเป็นธรรม และกดดัน ตร.เร่งตามคดีพร้อมยืนยันจับคนร้ายไม่ได้ไม่เผาศพลูก
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง นางสาว จิตราภรณ์ เกื้อตุ้ง อายุ 39 ปี แม่พร้อมด้วยเพื่อนๆของนายชิตพล ดำกลิ่น อายุ 17 ปี ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ถูกทำร้ายร่างกาย และถูกแทงด้วยอาวุธมีดจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเมื่อวันที่ 3 ต.ค.64 บริเวณแหล่งท่องเที่ยวแก่งหูแร่ ในพื้นที่ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ทางญาติได้ไปแจ้งความแต่ผ่านไปนานนับ 10 วันคดีไม่คืบ จึงได้ร่างของ นายชิตพลฯ ผู้ตายที่อยู่ภายโลงศพ แห่มายังบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุงเพื่อขอความเป็นธรรม โดยยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพัทลุง เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดคดี และจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากขณะเกิดเหตุเป็นช่วงกลางวันมีผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก อีกทั้งมีพยานซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ตายเข้าให้ปากคำแล้วหลายราย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด

ซึ่งในวันนี้ทางญาติ มี 4 ข้อเรียกร้องจากทางจังหวัด คือ 1.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งรัดในการทำคดี 2.หากมีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว ขอคัดค้านการให้ประกันตัวเนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกาจ อีกทั้งเกรงว่าหากมีการได้ประกันตัวจะมีการข่มขู่พยาน 3.อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีนี้ด้วยความโปร่งใส เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย คือทั้งฝ่ายผู้ตายและฝ่ายผู้ก่อเหตุและ 4 .ต้องแจ้งความคืบหน้าของคดีให้ทางญาติรับทราบเป็นระยะๆ

ทางด้าน นางสาวจิตราภรณ์ เกื้อตุ้ง อายุ 39 ปี แม่ผู้ตาย เล่าว่า ลูกของตนเองเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว ที่รับผิดชอบคดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า และสามารถจับคนร้ายมาดำเนินคดีได้เลย ทั้งที่ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงกลางวัน มีผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก และมีพยานเข้าให้ปากคำแล้วหลายปาก แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ ตนจึงขอทวงความยุติธรรมมายังจังหวัดพัทลุง และยืนยันหากเจ้าหน้าที่ตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ ตนก็จะไม่เอาศพลูกชายไปเผาอย่างเด็ดขาด

ในส่วนทางด้าน พ.ต.อ..สุรเชษฐ์ แก้วขาว ผกก.สภ.บางแก้ว กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว กำลังเร่งติดตามคดีอย่างเร่งรัดแล้ว พร้อมเรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำแล้ว จำนวน 2 ราย แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหา เพราะต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีก แต่หากพบว่าหลังจากนี้ทางผู้ต้องสงสัยทั้ง2รายนั้น เป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้ตายจนเสียชีวิตจริง ก็จะดำเนินการจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเจตนาฆ่าคนตายในทันที

ล่าสุด ทางแม่ และเพื่อนๆของคนตาย หลังจากเข้ายื่นหนังสือร้องเรียน โดยมี นายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ลงมารับหนังสือพร้อมฟังคำชี้แจงจากหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดี ก็สามารถเจรจาจนเป็นที่เข้าใจกัน ทางญาติจึงนำศพของนายชิตพลฯ ผู้ตาย กลับวัดในพื้นที่ อ.เขาชัยสน โดยไม่มีเหตุความรุนแรงแต่อย่างใด.

รถเทรลเลอร์ดวงตก ทำยาบ้าหล่นกลางถนนกว่าล้านเม็ด

เมื่อช่วงก่อนเที่ยงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองพัทลุง พบกล่องพัสดุหล่นลงจากรถเทรลเลอร์ ก่อนตรวจสอบพบเป็นยาบ้าจำนวนมาก เหตุเกิดที่บริเวณใต้สะพาน ก่อนถึงแยกเอเชียทางเข้าตัวเมืองจังหวัดพัทลุง

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ สภ.เมืองพัทลุง ได้ประสบเหตุพบยาบ้าหล่นจากรถเทรลเลอร์จำนวน 2 ก้อนใหญ่ ขณะจะขับรถเลี้ยวยูเทิร์นใต้สะพาน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจเข้่ตรวจสอบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการยาเสพติด ชุด สภ.เมือง ร่วมกับ ชุด ชปส.พัทลุง ตชด.ที่ 434 พัทลุง และ กก.3 บก.ปส.4 บช.ปส. เข้าสอบสวนขยายผลต่อไป

จากการสอบสวน ทราบชื่อผู้ขับขี่รถเทรลเลอร์ คือ นายอิสมาแอ ยากัด อายุ 52 ปี เป็นคน จ.บุรีรัมย์ ขับรถเทรลเลอร์ป้ายทะเบียน 71-3109 เพชรบุรี(ป้ายเหลือง) ตรวจสอบบริเวณหัวรถเทรลเลอร์ และบริเวณหางลากจูง เจ้าหน้าที่ตำรวจพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่บริเวณช่องว่างของหางลากจูง โดยบรรจุอยู่ภายในกระสอบและภายในถุงสีดำ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในถังน้ำขนาด 200 ลิตรสีฟ้า ยัดยาบ้าไว้เต็มถังซึ่งอยู่ติดกับบริเวณหัวตัวรถเทรลเลอร์ จากการตรวจค้นเบี้องต้นคาดว่ายาบ้าทั้งหมดประมาณ 1 ล้าน 2 แสนเม็ด และน่าจะมีการนัดส่งให้เอเย่นต์ค้ายาระหว่างไปบ้างแล้วบางส่วน เนื่องจากยาบ้าที่พบไม่มีการซุกซ่อนมิดชิดแต่อย่างใด

เบื้องต้น นายอิสมาแอฯ ยอมรับว่า ได้ขับรถเทลเลอร์หัวลาก มาจากพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี ปลายทางพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เมื่อขับรถมาถึงบริเวณใกล้บริเวณสี่แยกเอเชีย ต.ตูหาสวรรค์ ท่อน้ำรถเกิดชำรุด นายอิสมาแอ ฯ จึงนำรถไปซ่อมในอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียงประมาณ 300 เมตรเท่านั้น

อย่างไรก็ตามรถคันดังกล่าวนายสมาแอฯ ยอมรับว่าเป็นรถของตนเอง ซื้อมาเพื่อรับจ้างขนส่งรถบรรทุก ก่อนผันตัวมารับจ้างขนยาบ้า ส่วนรายละเอียดอื่นๆยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน.

รวบแล้ว 4 แก๊งขโมยรังนกพัทลุง พบมี2 อส.ร่วมเอี่ยวด้วย ถูกแจ้ง2ข้อหาหนักปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเรียกรับเงินสินบน

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 ต.ค.64 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเฉพาะกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวหลังออกหมายจับและรวบเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่เอี่ยวขบวนการขโมยรังนก ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง

ซึ่งความคืบหน้าของคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับไปแล้วจำนวน 6 ราย รวบได้แล้ว 4 ราย ซึ่ง 2 ใน 4 รายที่ถูกจับได้นั้นเป็นเจ้าหน้าที่ อส.จ.พัทลุง และชาวบ้านอีก 2 ส่วนอีก 2 รายยังคงหลบหนี และคาดว่าน่าจะยังกบดานอยู่ในพื้นที่

ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 64 ทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ติดตาม เร่งรัดสืบสวนสอบสวน หลังพบว่า มีกลุ่มคนร้ายลักลอบเข้าไปเก็บรังนกในพื้นที่สัมปทานหมู่เกาะสี่เกาะห้า ระหว่างวันที่ 14 มิ.ย. – 9 ก.ย.64 จริง ตามข้อร้องเรียน จึงได้สืบสวนหาตัวคนร้ายที่ลักลอบเข้าไปเก็บรังนก จนมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีผู้กระทำความผิด โดยขออนุมัติศาลจังหวัดพัทลุง ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้แล้ว จำนวน 6 ราย แบ่งเป็นผู้ลักลอบเข้าไปเก็บรังนก จำนวน 4 ราย ถูกแจ้ง 4 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันเก็บรังนกที่มีอยู่ตามธรรมชาติบนเกาะ หรือในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ได้รับสัมปทานจากคณะกรรมการ 2.ร่วมกันเข้าไปกระทำการใดๆ บนเกาะ หรือ ในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่มีรังนกอยู่ตามธรรมชาติ อันเป็นหรืออาจเป็นอันตรายแก่นกอีแอ่น ไข่ของนกอีแอ่น หรือรังนก หรืออาจเป็นเหตุให้นกอีแอ่นละที่อยู่อาศัยไปจากเกาะหรือที่สาธารณสมบัติแผ่นดินดังกล่าว (ตาม พ.ร.บ.อากรรังนกอีแอ่น พ.ศ.2540 3. ร่วมกันเก็บ ทําอันตราย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งรังของสัตว์ป่าคุ้มครอง และ 4. ล่าสัตว์ป่า หรือเก็บ หรือทําอันตรายแก่รังของสัตว์ป่านั้น ในพื้นที่ที่รัฐมนตรีประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า (ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562

ส่วนทางด้าน เจ้าหน้าที่ปกครอง(อส.) 2 ราย ได้แก่ ถูกแจ้ง 2 ข้อหาหนัก คือ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และ เป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่

และหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ก็จะสืบสวน สอบสวนขยายผล เพื่อสาวไปยังผู้ร่วมขบวนการขโมยรังนกที่เป็นผู้บงการใหญ่ต่อไป.