ชาวบ้านในพื้นที่นาขยาดผวาหลังพบผู้ป่วยโควิดเสียชีวิต ต่างปิดบ้าน ร้านค้ากักตัวเองทั้งหมู่บ้าน

ชาวบ้านในพื้นที่ ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ประมาณ 150 ครัวเรือนหวาดผวา ต่างปิดบ้าน ร้านค้าเงียบ หลังจากพบผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตรายแรกของ จ.พัทลุงไปเมื่อวานนี้ (วันที่ 20 เม.ย.64) ซึ่งผู้ป่วยคนดังกล่าว มีไทม์ไลน์ว่าได้กลับมาหาญาติในพื้นที่ ม.9 ของ ต.นาขยาด อ.ควนขนุน หลังจากตรวจพบว่าติดเชื้อและเข้ารับการรักษาเพียง 4วัน ก็เสียชีวิต ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ หลังจากทราบข่าวก็หวาดผวา ทยอยปิดบ้าน ร้านค้าขายของชำ พร้อมปิดป้ายหน้าร้านยอมกักตัวเองกันทั้งหมู่บ้าน

ชาวบ้านในพื้นที่ วัย 60 ปีรายหนึ่ง เผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19รายแรกของ จ.พัทลุง และได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านเกิดความกังวล หวาดกลัว ยอมปิดบ้าน กักตัวเอง และที่หนักไปกว่านั้น ยังถูกซ้ำเติมจากสังคมภายนอก มีร้านค้าบางร้าน ปั๊มน้ำมันบางปั๊ม ไม่ยอมขายของหรือเติมน้ำมันให้หากทราบว่า บุคคลนั้นมาจากพื้นที่ของตำบลนาขยาด จึงอยากฝากวิงวอนสังคม ให้โอกาสอย่าซ้ำเติมกันเลย เพราะไม่มีใครอยากติดโรคระบาดนี้ แต่เมื่อติดแล้ว สังคมควรให้โอกาส แบ่งปันน้ำใจ และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้ต่อไป

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ของ จ.พัทลุง ยังคงมียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งในวันนี้พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 6 ราย ยอดสะสมอยู่ที่ จำนวน 59 ราย เสียชีวิตแล้ว 1 ราย ที่เหลือยังคงกระจายรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลของรัฐในพื้นที่

และขณะนี้ ทางจังหวัดพัทลุงได้เปิดโรงพยาบาลสนามแล้ว 1 แห่ง เมื่อวันที่ 20 เม.ย.64 ที่ผ่านมา ที่สำนักส่งเสริมการบริการวิชาการและภูมิปัญญาชุมชน มหาวิทยาลัยทักษิณ ในพื้นที่ ม.6 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง สามารถรองรับผู้ป่วยได้ถึง 500 เตียง และมีการเตรียมความพร้อมเพื่อให้บริการแล้ว จำนวน 150 เตียง และสามารถเพิ่มเติมได้เมื่อจำเป็น โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เจ้าหน้าที่พยาบาลคอยดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง ล่าสุดมียอดผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามแล้ว จำนวน 5 ราย เป็นชาย 3 ราย ผู้หญิง 2 ราย แต่ไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมอาการ แต่จะให้ดูผ่านกล้องวงจรปิดที่ทางโรงพยาบาลสนามจัดทำขึ้นเท่านั้น.
.
ทีมข่าว #ที่นี่พัทลุง

พัทลุง ฉีดวัคซีนชุดแรก1800โดส แก่บุคลากรการแพทย์ พยาบาล และ อสม.

เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา นายแพทย์ดุษฎี คงตระกูลทรัพย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง นายแพทย์จรุง บุญกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง ร่วมฉีดวัคซีนโควิด – 19 “ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขในการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด_19 ชุดแรก ซึ่งในวันนี้ก็มีบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และ อสม. ซึ่งจังหวัดพัทลุงได้รับการจัดสรรวัคซีนชุดแรกจำนวน 1,800 โดส เป็นวัคซีนยี่ห้อซิโนแวค ขณะที่โรงพยาบาลพัทลุงนั้นได้รับจัดสรรให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์จำนวน 600 โดส จำนวน 300 คน โดยเข็มแรกฉีดในวันนี้ 8 เมษายน 2564 ส่วนเข็มที่ 2 จะฉีดวันที่ 28 เมษายน 2564

ขณะที่ อสม.นั้นจะฉีดวัคซีน 500 คน โดยเป็น อสม. ในพื้นที่อำเภอเมืองพัทลุง 300 คน และพื้นที่รอบนอก 200 คน นั้นจะฉีดที่โรงพยาบาลพัทลุง ฉีดเข็มแรกวันนี้ 8 เมษายน 2564 เช่นกัน ส่วนเข็มที่ 2 ก็จะฉีดในวันที่ 28 เมษายน 2564 สำหรับการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในครั้งนี้จะเป็นการทดสอบระบบและวางแผนหาแนวทางให้บริการแก่ประชาชนต่อไป ซึ่งหลังจากการฉีดวัคซีนทางโรงพยาบาลพัทลุงได้มีการเฝ้าระวัง ติดตามอาการหลังจากฉีดทันที ใน 30 นาที ซึ่งผู้ฉีดวัคซีนดังกล่าวในวันนี้ทุกๆคนไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด

ในส่วนของประชาชนทั่วไปของจังหวัดพัทลุงนั้น จะได้รับวัคซีนเข็มแรกในเดือน พฤษภาคม 2564 ขณะนี้ทางโรงพยาบาลพัทลุงได้ส่งรายชื่อไปยังกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ประกอบด้วย บุคคลกลุ่มเสี่ยงทุกโรค ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ฯลฯ ส่วนการรับฉีดวัคซีนนั้นสามารถลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ (1) ทางไลน์แอปพลิเคชั่น “ หมอพร้อม “ และ (2) การติดต่อกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

ขณะที่สถานการณ์โรคโควิด – 19 ล่าสุดในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุงนั้น หลังจากที่มีผู้เดินทางจากจังหวัดพัทลุงเข้าร่วมงานยังโรงแรมแห่งหนึ่ง ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะนี้ได้รับการตรวจหาเชื้อยืนยันผลเป็นลบทั้งหมด แต่ได้กักตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้วเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งในกลุ่มบุคคลเหล่านั้นมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงด้วย 1คน เนื่องจากได้ไปร่วมงานในวัน เวลา ดังกล่าวด้วย

ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มร้านอาหาร เพียงแค่ไม่พอใจปิดร้านไม่ขายสุรา

เผยภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง บันทึกภาพขณะชาย 3 คนเดินเข้าไปภายในร้าย โดยหนึ่งในนั้นเหน็บปืนM16 ไว้บริเวณเอว โดยมีปลายกระบอกปืนโผล่บริเวณขากางเกง ในขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้าน ได้บันทึกพฤติกรรมขณะชายอีกคน นำปืนกระบอกดังกล่าวยืนถืออยู่ภายในร้านลักษณะคล้ายใส่กระสุน ก่อนเดินควงไปมาภายในร้านอย่างไม่เกรงใจใคร ไม่นานก่อนออกจากร้านพวกเขาใช้ปืนM16 และปืนขนาด 11 มม. อีกกระบอกยิงใส่เข้าไปในร้าน และจังหวะที่เดินออกมา ยังมีหนึ่งในผู้ก่อเหตุใช้ปืนพกสั้น ยิงขึ้นฟ้าอีกหลายนัดก่อนเดินออกจากร้านไป แต่โชคดีจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงร้านอาหารที่ได้รับความเสียหายบางส่วน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพบปลอกกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. จำนวน 5ปลอก และปลอกกระสุนขนาด .45 จำนวน 1 ปลอก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการตรวจสอบพบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากมีกลุ่มชายกลุ่มหนึ่ง เข้ามารับประทานอาหารภายในร้านอาหารดังกล่าว โดยมีชายอีกกลุ่มเข้ามาสมทบพร้อมนำปืนM16 เข้ามาด้วย เมื่อใกล้เวลาปิดร้านเจ้าของร้านได้แจ้งให้ลูกค้ากลุ่มนี้ทราบ แต่พวกเขาพยายามจะนั่งดื่มสุราต่อ เมื่อเจ้าของร้านและพนักงานปฏิเสธจะให้บริการ จึงสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มชายดังกล่าว ก่อนออกจากร้านพวกเขาจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

เบื้องต้นตำรวจเรียกสอบปากคำพยานแล้วหลายปากทั้งตัวเจ้าของร้านและพนักงาน พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลขอศาลอนุมัติหมายจับมาดำเนินคดี

และจากการตรวจสอบพบว่า หนึ่งในผู้ก่อเหตุเคยมีพฤติกรรมใช้ปืนยิงข่มขู่แบบนี้มาแล้วในพื้นที่ ซึ่งคดีดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างรอพิจราณาคดีในชั้นศาล.

นักร้องเพลงปักษ์ใต้ชื่อดังบวชแก้บนให้แม่ มีเหล่าแม่ยกและเหล่าศิลปินภาคใต้ร่วมบุญกันอย่างเนืองแน่น

นายเอกชัย หรือ นายบุญรอบ ศรีวิชัย อายุ 58 ปี นักร้องเพลงปักษ์ใต้ชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นนักแสดงและผู้กับกำหนังมาแล้วหลายเรื่อง ได้เข้าพิธีอุปสมบทอย่างเรียบง่าย ที่วัดท่าแค ในพื้นที่ ม. 1 ต.ท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง โดยมีคุณแม่เรียง ศรีวิชัย พร้อมด้วย ญาติพี่น้องคนสนิท และเหล่าศิลปินภาคใต้ อาทิ นายไพศาล ขุนหนู พระเอกชื่อดังจากเรื่องสะพานรักสารสิน เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น บอล วงกลม ยาวนาโยง โทงทองแดง รวมไปถึงเหล่าบรรดาแม่ยกที่ทราบข่าว เดินทางมาเข้าร่วมงานบุญในครั้งนี้กันเป็นจำนวนมาก

โดยพิธีเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า แม่เรียงฯ แม่ของเอกชัยฯ ได้ประเดิมปรงผมให้ หลังจากนั้นญาติๆ และแขกที่เข้าร่วมงานได้เข้าแถวร่วมปรงผม หลังจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนชุดนาค เข้าสู่พิธีแก้บนหน้ารูปเหมือนพ่อขุนศรีศรัทธา บรมครูโนราห์ผู้ยิ่งใหญ่ และยังเป็น ต้นกำเนิดของมโนราห์ ที่ชาวบ้านทางภาคใต้ให้ความเคารพ นับถือสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งก่อนหน้านี้ นายเอกชัย ศรีวิชัย ได้บนบานศาลกล่าว ต่อหน้ารูปเหมือนของพ่อขุนศรีศรัทธา ว่าขอให้แม่เรียง แม่ของตนหายป่วย ตนจะบวช หลังจากบนบานศาลกล่าวไม่นาน อาการป่วยของแม่เรียงก็ดีขึ้นตามลำดับ จึงเป็นที่มาในการจัดพิธีบวชอุปสมบทในวันนี้

โดยมีพระครูสุตธรรมวิภัชอนันต์ เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “กิตติสาโร” หมายถึง ผู้มีเกียรติเป็นสาระ และนอกจากพิธีบวชแก้บนของนายเอกชัย ศรีวิชัยแล้ว ยังมีหนูน้อยวัย 9 ขวบ เด็กชายธนกฤษ คงเขียว หรือที่คนพัทลุงรู้จักกันในนามของมโนราห์กฤษ ซึ่งเป็นหลานบุญธรรมที่ นาย เอกชัย ศรีวิชัย ได้ให้การอุปการะเลี้ยงดู ร่วมบวชเณรเพื่อเป็นการแก้บนให้กับย่าเรียงเช่นเดียวกัน การบวชอุปสมบทในครั้งนี้จะบวชเป็นเวลา 3 วัน และมีการกำหนดวันลาสิกขา ในวันที่ 11 มีนาคม 2564 ที่จะถึงนี้.

ภาพ/ข่าว น้าฟื้นช่อง 8

ป้าวัย 64 ปี เข้าแจ้งความหลังถูกหนุ่มวัย19 ปี เข้าบีบคอทำร้ายร่างกาย ด้านหนุ่มวัย19 ปียอมรับทำไปเพราะเกิดอาการหลอนจากยาเสพติด

ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยนาทีที่หนุ่มวัย 19 ปี บุกเข้ามาบีบคอทำร้ายร่างกายคุณป้าวัย 64ปี ถึงร้านขายของชำ ต่อหน้าหลานสาววัย3 ขวบเศษ หนุ่มคนดังกล่าวอ้างไม่พอใจที่ถูกป้าต่อว่า จึงโมโหเข้ามาทำร้ายร่างกาย ล่าสุดป้าวัย 64 ปี ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เรียบร้อยแล้ว


ช่วงบ่ายวันนี้ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ ไปที่ร้านขายของชำในพื้นที่บ้านเพ็งอาด ม.11 ต.ฝาละมี อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นร้านของ นางนิตยา แก้วชนะ อายุ 64 ปี เล่านาทีที่ถูกทำร้ายให้ฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าเวลา ประมาณ 7 โมงเช้า ขณะที่ตนกำลังวุ่นอยู่กับหลานสาววัย 3 ขวบเศษ ระหว่างนั้นก็มีหนุ่มวัย 19 ปี ขับรถ จยย.เข้ามาที่ร้าน ตนก็เข้าใจว่าลูกค้ามาซื้อของที่ร้านตามปกติ จึงเดินออกไปดู แต่กลับถูกชายคนดังกล่าววิ่งตรงเข้ามาบีบคอ ทำร้ายร่างกาย พร้อมพูดในทำนองว่าป้าเจ้าของร้านต่อว่าหนุ่มคนดังกล่าว(พูดเป็นภาษาใต้ประมาณว่า” แรก-เดี่ยว-มึง-ว่า-กู-ช่าย-หม้าย) ก่อนชี้หน้าด่าแบบไม่พอใจ และขับ รถ จยย.ออกไป นางนิตยาฯ บอกว่า ตอนนั้นตนตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก พอตั้งสติได้ก็โทรศัพท์หาญาติขอความช่วยเหลือ ก่อนจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ปากพะยูน


นางนิตยาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยปกติแล้ว หนุ่มคนดังกล่าว ก็แวะเวียนมาซื้อของที่ร้านอยู่เป็นประจำ เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน และไม่เคยต่อว่า หรือโกรธเคือง หมางใจอะไรกันเลย ตนก็รักและเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันนี้ขึ้น ก็ยอมรับว่าตกใจ และกลัวมาก หลังจากนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเข้ามาช่วยสอดส่องดูแลเพิ่มขึ้น อีกทั้งที่บ้านของคุณป้าเองก็มีแต่ผู้หญิง กับเด็กเล็ก หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ตนเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

หลังจากนั้นทีมข่าวก็ได้เดินทางไปพบกับครอบครัวของหนุ่มวัย 19 ปี ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 500 เมตร เมื่อไปถึงก็พบกับหนุ่มวัย 19ปี กำลังช่วยที่บ้านเลี้ยงวัวชนอยู่ และได้พูดคุยกับนาง จุรี มุสิกะสง อายุ 74 ปี ซึ่งเป็นย่าของหนุ่มวัย 19 ปี เล่าว่า หลานชายติดยาเสพติดมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ช่วงหลังมักมีอาการหลอนจากยาเสพติด หงุดหงิดง่ายหากมีใครทำ หรือพูดอะไรให้ไม่พอใจ แต่หากไม่มีอาการดังกล่าว ก็จะเป็นคนขยัน ช่วยที่บ้านทำมาหากินทุกอย่าง และเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาก็เคยพาไปบำบัดรักษาอาการติดยาเสพติดมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่หลานชายไม่ค่อยได้กินยาตามหมอสั่ง

ทางด้านหนุ่มวัย 19 ปี ก็ยอมรับว่าตนบุกเข้าไปทำร้ายร่างกายป้าวัย 64ปี จริง อ้างว่าโมโหที่ถูกต่อว่า แต่หลังจากนั้นก็ได้กลับไปขอโทษป้าวัย64ปีแล้ว และสัญญาว่าต่อไปจะไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้อีก และนอกจากนี้ยังเล่าให้ทีมข่าวฟังเพิ่มเติมว่า หากวันไหนไม่ได้เสพยาเสพติด ตนก็จะรู้สึกหงุด โมโหร้ายบางทีก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ และเคยพลาดพลั้งทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวด้วยเช่นกัน และหากมีโอกาสก็อยากจะเข้ารับการบำบัดยาเสพติด จะได้กลับมาช่วยปู่ ย่า ทำงานที่บ้านต่อไป เพราะปู่กับ ย่า ทั้งสองก็อายุมากแล้ว.

ชาวบ้านสุดทน ร้อง จนท.บ้านเด็กเข้าตรวจสอบ หลังพบพ่อพาลูกชายวัย6ขวบเร่ขายยาบ้า

พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุเชษฐ์ แก้วขาว ผกก.สภ.บางแก้ว ร.ต.อ.ประเสริฐ วัฒน์หนู รอง สว.สส.สภ.บางแก้ว นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว และ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พัทลุง ลงพื้นที่ตรวจสอบยังบ้านเลขที่ 244/1 บ.คลองชีพ พื้นที่ ม.8 ต.นาปะขอ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง หลังจากมีชาวบ้านร้องเรียนมายังบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พัทลุง ว่าพ่อวัย27 ปี มีพฤติกรรมพาลูกน้อยวัย 6ขวบเร่ขายยาบ้า จนบางครั้งลูกน้อยต้องขาดเรียนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นภาพที่น่าเศร้าใจ ชาวบ้านสุดทน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ

หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว พบนาย ประพันธ์ มุสิกะสง อายุ 27 ปี อาศัยอยู่กับพ่อ แม่ และหนูน้อยวัย 6 ขวบ และจากการตรวจค้นบ้านเจ้าหน้าที่ยังพบอุปกรณ์การเสพยาเสพติด ยาบ้า และใบพืชกระท่อมสดจำนวนหนึ่ง ซึ่งนาย ประพันธ์ฯ ยอมรับว่าของกลางที่พบทั้งหมดเป็นของตนเอง เก็บไว้เสพและแบ่งขายให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ ส่วนหนูน้อยวัย 6 ขวบ ซึ่งเป็นลูกชายของนายประพันธ์ฯ นั้น นายประพันธ์ อ้างไม่เคยพาลูกออกไปเร่ขายยาเสพติด แต่ที่จำเป็นต้องพาลูกไปไหนมาไหนด้วยทุกครั้ง เพราะตนรักลูกชายมาก อีกทั้งเวลาปู่ กับย่าออกไปรับจ้างทำงาน หนูน้อยก็ไม่รู้จะอยู่กับใคร จึงจำเป็นต้องพาออกนอกบ้านไปด้วยตลอดเวลา แต่ก็ยอมรับว่าเคยเสพยาบ้า ต่อหน้าลูกชายวัย 6 ขวบบ้างแต่ไม่บ่อยนัก

นอกจากนี้ในบ้านดังกล่าวเจ้าหน้าที่ยังพบ นส.จินตนา คงเกิด อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นแฟนสาวของนายประพันธ์ ฯ จากการตรวจค้น พบยาบ้าจำนวนหนึ่ง ถูกซุกซ่อนไว้ในชุดชั้นใน โดย นส.จิตนาฯ อ้างว่ายาบ้าที่พบนั้นตนได้มารับจากนายประพันธ์ฯ เพื่อนำไปแบ่งขายให้ลูกค้า แต่มาถูกเจ้าหน้าที่รวบตัวได้เสียก่อน


หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้วเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนหนูน้อยวัย 6 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พัทลุง ได้รับเด็กเข้าอุปการะ เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพ หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนตรวจสอบข้อเท็จจริงของพ่อ แม่ และผู้ปกครองของหนูน้อยอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนวางแผนกับทีมสหวิชาชีพในการให้ความช่วยเหลือเด็กต่อไป.

ดีเดย์วันแรก พ่อเมืองพัทลุง สั่งจับปรับคนขับและซ้อนมอไซด์ ไม่ใส่หมวกกันน็อค จับปรับจริงทุกกรณีไม่มีข้อแม้และไม่มีข้ออ้าง

เริ่มดีเดย์วันนี้ วันแรก 1 มีนาคม 2564 นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้มีมติประชุม ร่วมกับ คณะกรรมการป้องกันอุบัติเหตุจราจรทางถนน คณะกรรมการความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย และและเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 16 สภ.ในพื้นที่ จ.พัทลุง ได้ตกลงกติการ่วมกัน สั่งจับปรับบุคคลที่ขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมหมวกนิรภัย หรือหมวกกันน็อค ทั้งคนขับ และคนนั่งซ้อนท้าย คนขับจับปรับ 400 บาท ส่วนคนซ้อนท้ายจับปรับสองเท่าถึง 800 บาท จับปรับทุกกรณีไม่มีข้อยกเว้น และไม่มีข้ออ้าง ใดๆทั้งสิ้น

นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝากย้ำไปถึงผู้ปกครองที่ให้ลูก หลาน นำรถจักรยานยนต์มาโรงเรียน ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมเตือนให้พวกเขาสวมใส่หมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัย และป้องกันการถูกจับปรับตามมาภายหลัง ซึ่งมาตรการที่เข้มงวดนี้ ก็เพื่อต้องการให้คนพัทลุงขับขี่ปลอดภัย สวมใส่หมวกกันน็อคกันร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ไม่ว่าจะไปทำธุระใกล้ ไกล ยังไงก็ต้องสวมใส่หมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เอง อีกทั้งเพื่อต้องการลดอุบัติเหตุทางถนน ลดปริมาณผู้บาดเจ็บจากการใช้รถ ใช้ถนนได้อีกด้วย

ทางด้าน ร.ต.อ.สันต์ชัย ศิริชุม รอง สว.จร.สภ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองพัทลุง วันนี้ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ก็ได้เน้นกำชับบุคคลที่ขับขี่ รถ จยย.ให้สวมหมวกนิรภัย ทั้งคนขับและคนซ้อนท้าย แต่ไม่เน้นการตั้งจุดตรวจ และหากพบบุคคลที่ไม่สวมหมวกนิรภัย ก็จะจับปรับ ออกใบสั่ง บังคับใช้กฎหมายทันทีเพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า ซึ่งมาตรการนี้ทางจังหวัดก็ได้มีประกาศล่วงหน้ามาแล้ว 1 เดือน เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัวกัน


และเมื่อเช้าที่ผ่านมาก็ได้ออกตรวจตามแยก ตามจุดต่างๆ ก็ยังพบคนขับขี่ จยย. ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย และได้ว่ากล่าวตักเตือนไปบ้างแล้ว บางรายหลังจากถูกว่ากล่าวตักเตือนไปก็ได้หาซื้อหมวกมาใส่เป็นที่เรียบร้อย

ร.ต.อ.สันต์ชัย ฯ ย้ำว่า ถึงแม้วันนี้จะดีเดย์บังคับใช้กฎหมายอย่างจริจังเป็นวันแรก แต่ก็ให้เจ้าหน้าที่ทุกนายใช้ดุลยพินิจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ส่วนในชั่วโมงเร่งด่วนในช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 07.20 น. ถึงเวลา8 โมง และช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 15.30 น.ถึง 16.00น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรก็จะเน้นเรื่องอำนวยความสะดวกบนท้องถนนเป็นหลัก ไม่เน้นกฎหมายในด้านการจับกุม แต่หากพบผู้ขับขี่ที่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ก็จะว่ากล่าวตักเตือน แต่หากเลยเวลาเร่งด่วนไปแล้ว ก็ต้องว่ากันไปตามระเบียบข้อบังคับ


และอยากฝากไปถึงผู้ปกครอง ที่ให้เด็กนักเรียน ลูกหลาน ขับรถมาโรงเรียนให้ช่วยเน้นย้ำเรื่องการสวมหมวกนิรภัยก่อนออกจากบ้านด้วยทุกครั้ง เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าใจว่าเด็ก นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองให้เงินมาโรงเรียนแค่วันละร้อยสองร้อย หากเกิดถูกจับ ปรับเพราะไม่สวมหมวกนิรภัย ก็คงเป็นปัญหากับผู้ปกครองต่อไปภายหลัง ซึ่งกรณีแบบนี้ทางเจ้าหน้าที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย
และขอร้องประชาชนอย่าได้อคติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะที่ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนทำไป ก็เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งนั้น หรับใครที่ไม่สามารถหาซื้อหมวกกันน็อคตามท้องตลาดได้ หรือกลัวว่ามีราคาสูงเกินไป ก็สามารถประสานทางศูนย์จราจร สภ.เมืองพัทลุง เพื่อสั่งซื้อหมวกกันน็อคในราคาถูกเพียงใบละ 100 บาท.

คนร้ายดักยิงหนุ่มวัย40ปี เสียชีวิต ขณะออกตระเวนหาปลา

เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 25 ก.พ.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าพะยอม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.พัทลุง และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยพัทลุง เขตรับผิดชอบพื้นที่ อ.ป่าพะยอม เข้าตรวจสอบบริเวณทางเข้าสวนปาล์มน้ำมัน พื้นที่ ม.10 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง หลังได้รับแจ้งว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิต

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุพบร่างของนาย สมชาย นุ่นเหลือ อายุ 40ปี เป็นคนพื้นที่โพธิ์ทอง อ.ควนขนุน สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธไม่ทราบชนิด และขนาดเข้าศีรษะ จำนวน 1นัด เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ร่างของผู้ตายยังคร่อมรถ จยย.และคาดไฟที่ใช้สำหรับหาปลาอยู่เลย ในตะกร้าด้านหน้ารถ จยย.ของผู้ตายยังมีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับหาปลาอยู่ด้วย คาดว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายน่าจะออกจากบ้าน เพื่อออกไปหาปลา ก่อนจะมาถูกยิงเสียชีวิต

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติมมากนัก แต่หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเรียกภรรยาผู้ตาย มาสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมเร่งลงพื้นที่หาข้อมูลอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนติดตามตัวคนร้าย เพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง.

ภาพ/ข่าว เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยพัทลุง _เขตพื้นที่รับผิดชอบ อ.ป่าพะยอม

รวบชายอายุ 50 ปี พร้อมอาวุธปืนสงครามพร้อมเครื่องกระสุน พบประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและก่อเหตุมาแล้วอย่างโชกโชน

พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.สส.ภ.9 พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9,พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สส.ภ.9 และ พ.ต.ท.ประจวบ สุวรรณรัตน์ สว.สส2 บก.สส.ภ.9 วางแผนเข้าจับกุม นายประกิจ ศรีราช อายุ 50 ปี ภายในบ้านพักในพื้นที่ ม. 4 ต.เขาปู่ อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง ซึ่งเป็นเป้าหมายรายสำคัญมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและครอบครองอาวุธปืนสงคราม


จากการตรวจค้นภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธปืน M16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน M16 จำนวน 27 นัด ซองกระสุนปืน M16 จำนวน 1 ซอง และใบพืชใบกระท่อมสด จำนวน 1 ถุง จึงควบคุมตัวนายประกิจฯ พร้อมของกลางมาสอบสวนเพิ่มเติม
เบื้องต้น นายประกิจฯ ผู้ต้องหา ให้การว่า ซื้อปืนM16 มาจากชายคนหนึ่งโดยที่ไม่รู้จักชื่อ นามสกุลกัน ซื้อมาในราคา 3,000 บาท โดยอ้างว่าซื้อไว้ป้องกันตัว แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ ในส่วนการพัวพันเกี่ยวกับยาเสพยาเสพติดทางผู้ต้องหายอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริง นอกจากนี้จากการสืบสวนยังพบว่านายประกิจฯ ยังเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่ของอำเภอศรีบรรพตอีกด้วย


จากการตรวจสอบประวัติ นายประกิจฯ ผู้ต้องหา พบก่อเหตุมาแล้วอย่างโชกโชน โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2555 ต้องโทษในคดีเสพยาเสพติดให้โทษ ต่อมาในปี 2556 ถูกจับในข้อหาผลิตซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 4 ทำอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน โดยมิได้รับอนุญาต ปี 2557 มีส่วนพัวพันในคดีพยายามฆ่าผู้อื่นและถูกกันตัวไว้เป็นพยาน และปี 2562 ต้องโทษ พรบ.อาวุธปืน

จากการจับกุมครั้งนี้ ตำรวจแจ้งข้อหานายประกิจ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และ มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (พืชกระท่อม)

ชาวบ้านกลุ่มรักษ์โตนสะตอ ร่วมกิจกรรมหิ้วชั้นมาชันชี สานรัก สานสัมพันธ์ของคนในชุมชน

ชาวบ้านกลุ่มรักษ์โตนสะตอ ร่วมกันจัดกิจกรรมหิ้วชั้นชันชี คือการหิ้วปิ่นโต หรือการนำกับข้าวแล้วมาล้อมวงกินด้วยกัน แบบฉบับของคนบ้านๆในชุมชนของพื้นที่ภาคใต้ หากมีเรื่องราวที่ต้องการหารือ หรือพูดคุยกัน ก็จะมานั่งจิบน้ำชา กาแฟ หรือล้อมวงกินข้าวด้วยกัน เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน

ซึ่งกิจกรรมนี้ทางชาวบ้านกลุ่มรักษ์โตนสะตอ จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน รอบนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยกลุ่มรักษ์โตนสะตอร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ ทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ ผู้นำชุมชน และจิตอาสา จะร่วมกันทำกิจกรรมปัดกวาดขยะ ทำความสะอาดพื้นที่บริเวณน้ำตก บ้างก็เล่นน้ำตกไปพลาง หลังจากทำกิจกรรมพัฒนาเสร็จ ก็จะนำกับข้าวที่ช่วยกันทำมา นั่งล้อมวงกินข้าวพร้อมกัน นับว่าเป็นบรรยากาศที่น่ารัก อบอุ่น และหาดูได้ยากในสังคมปัจจุบัน และนอกจากนี้ชาวบ้านก็หวังให้พื้นที่ของน้ำตกโตนสะตอ ในพื้นที่ ม.1 ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอีกจุดหนึ่งของจังหวัดพัทลุง ที่รอนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป หลังจากที่ไม่มีใครสนใจปล่อยรกร้างมาก่อนหน้านี้


น้ำตกโตนสะตอ เป็นต้นน้ำสายหลักที่ชาวบ้าน ต.หนองธง ใช้กิน ใช้ทำการเกษตร และเปรียบเสมือนครัวของชุมชน นอกจากชาวบ้านจะสามารถมาพักผ่อน และยังหาจับปลาได้ตามฤดูกาล อย่างเช่นปลาหวด และยังมีสะตอป่า น้ำผึ้งป่า เป็นแหล่งอาหารที่หล่อเลี้ยงชาวหนองธงมานาน

นายเดชา เหล็มหมาด อายุ 40 ปี แกนนำเครือข่ายกลุ่มรักษ์โตนสะตอ กล่าวว่า โครงการหิ้วชั้นมาชันชี เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.63 เพื่อต้องการให้ทุกคนในชุมชนได้ร่วมกันพัฒนาน้ำตกโตนสะตอ และช่วยกันระดม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมข้อเสนอแนะ ที่จะช่วยกันพัฒนาน้ำตกโตนสะตอ เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้จัก และเข้ามาเที่ยวชม สัมผัสกับธรรมชาติของน้ำตกโตนสะตอ


การทำกิจกรรมจากกลุ่มเล็กๆ จนเป็นที่สนใจและได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่เพิ่มขึ้น จนตอนนี้เริ่มมีการประชาสัมพันธ์ที่ดีขึ้น มีนักท่องเที่ยวเริ่มรู้จักน้ำตกโตนสะตอ และเดินทางมาเที่ยวกันมากขึ้นอีกด้วย


นายเดชาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากการพัฒนาน้ำตกโตนสะตอแล้ว สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ การแสดงออกให้เห็นถึง ความรัก ความสามัคคี การสานสัมพันธ์ของคนในชุมชนที่เกิดขึ้น ภายใต้รอยยิ้มเล็กๆที่แฝงไปด้วยความสุขและอบอุ่น.