ตชด.ขยายผลจับยาเสพติด จับผู้ต้องหาได้ 3 รายพร้อมของกลาง

พ.ต.ท.วีระศักดิ์ คงเพชร ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 434 พัทลุง สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดการข่าวและความมั่นคง กก.สส.ภ.จว.พัทลุง ร่วมกันเปิดปฏิบัติการล่อซื้อยาเสพติด จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย คือ นายกิตติ หรือ ด้วง คภะสุวรรณ์ อายุ 27 ปี

คนในพื้นที่ ม.6 ต.ร่มเมือง อ.เมืองพัทลุง แต่ถูกรวบตัวได้ในพื้นที่ ม.5 ต.ควนขนุน อ.ควนขนุน ได้พร้อมของกลางไอซ์น้ำหนักประมาณ 2.82 กรัม และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
หลังจากนั้นได้มีการขยายผลจับกุม นายฤทธิเดช หรือ เจมส์ อยู่ดำ อายุ 25 ปี ได้ในพื้นที่ ม.8 ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 50 เม็ด


และขยายผลต่อเนื่อง จับกุม นายสมศักดิ์ หรือ ศักดิ์ อินทร์เรน อายุ 42 ปี คนในพื้นที่ ม.4 ต.นาท่อม อ.เมือง ได้คาห้องพักขณะไปเปิดโรงแรมอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง จากการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 200 เม็ด พร้อมรถจักรยานยนต์อีก จำนวน 1 คัน
ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามบุกถล่มยิงบ้านนักธุรกิจชื่อดังกว่า 20 นัด ตร.มุ่งปมความขัดแย้งเรื่องธุรกิจและเรื่องส่วนตัว

พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดการข่าวและความมั่นคง และ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าทำการตรวจสอบ และหาพยานหลักฐานเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้าน เหตุเกิดที่อู่ซ่อมรถราชสีห์คอปเปอเรชั่น ในพื้นที่ ม.7 ต.ท่าแค อ.เมือง พัทลุง ซึ่งเป็นอู่ของนายชวลิต ทองด้วง

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และขนาด 7.62 มม. จำนวนกว่า 23 นัด ตกอยู่หน้าอู่ซ่อมรถฯดังกล่าว ส่วนบริเวณฝาผนังหน้าบ้านและประตูหน้าต่างบานกระจกแตกทะลุหลายจุด รถยนต์เก๋งที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นบริเวณด้านหลังอู่ฯ ก็ได้รับความเสียหายไป จำวน 2 คัน มีร่องรอยกระสุนปืนหลายจุดเช่นกัน

น้องปลา ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริง อายุ 22ปี หลานสาวของเจ้าของบ้านและนอนพักอาศัยอยู่ในบ้านขณะเกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณตี1เศษๆของคืนที่ผ่านมา ได้ยินเสียงดังคล้ายคนจุดประทัดรัวดังมาก หลังจากสิ้นเสียงดังกล่าว น้องได้ออกมาดู เห็นรถยนต์เก๋งขับออกไปจากหน้าบ้าน แต่ตนจำสีและยี่ห้อรถไม่ได้ หลังจากนั้นคนในบ้านก็วิ่งออกมาดู พบว่ามีร่องรอยกระสุนปืน จึงคิดว่าน่าจะมีคนมายิงถล่มใส่บ้าน ซึ่งตอนนั้นมีคนพักอาศัยอยู่ในบ้านจำนวน 5 คน ต่างตกใจกันเป็นอย่างมาก พอตั้งสติได้ก็รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ


ซึ่งขณะเกิดเหตุ นายชวลิตฯ เจ้าของอู่ฯ ไม่ได้อยู่ที่บ้านเนื่องจากไปทำธุระต่างจังหวัด มีแค่ภรรยาและหลานๆเท่านั้น ส่วนประเด็นความขัดแย้งเจ้าหน้าที่ตั้งไว้สองประเด็นคือ ขัดแย้งเรื่องธุรกิจ และประเด็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เนื่องจากว่าในจุดเกิดเหตุที่อู่ดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดอยู่จำนวนหลายตัว คาดว่าน่าจะพบเบาะแสของกลุ่มที่ก่อเหตุได้ไม่ยาก


และจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่านายชวลิตฯ เจ้าของอู่ฯ ก็กำลังลงสมัคร สจ.ในพื้นที่อีกด้วย ส่วนประเด็นความขัดแย้งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองด้วยหรือไม่ หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเร่งตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

เครือข่ายนักอนุรักษ์และชาวบ้านหนองธง เดินทางยื่นหนังสือคัดค้านการสร้างเขื่อนเหมืองตะกั่วยังผู้ว่าพัทลุง พร้อมยืนยันปักหลักหน้าศาลากลางจนไดรับคำตอยที่พอใจ

เมื่อช่วงสายวันนี้ นายเดชา เหล็มหมาด ประธานกลุ่มรักษ์โตนสะตอ นายสันติชัย ชายเกตุ เครือข่ายชมรมรักษ์สิ่งแวดล้อมจังหวัดพัทลุง ทางตัวแทนกลุ่มสภาองค์กรชุมชนตำบลระดับ จ.พัทลุง และชาวบ้าน ม.1 ในพื้นที่ ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เกือบ 100 คน

เดินชูป้าย พร้อมยื่นหนังสือคัดค้านการสร้างอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่วซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ต้นน้ำเทือกเขาบรรทัด ต่อนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง พื้นที่การสร้างอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว ตั้งอยู่ในพื้นที่ต้นน้ำเทือกเขาบรรทัด ม.1 ต.หนองธง อ.ป่าบอน ของกรมชลประทาน โครงการดังกล่าวมีการตั้งงบประมาณมากกว่า 1,000 ล้านบาท และอยู่ห่างจากเขื่อนป่าบอนซึ่งกรมชลประทานสร้างไปแล้วเสร็จเพียงแค่ 3 กิโลเมตร สำหรับโครงการล่าสุดอยู่ในระหว่างการเตรียมเวนคืนที่ดินที่อยู่โครงการ


นายพรศักดิ์ ปักสัน อายุ 33ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.หนองธง และสมาชิกกลุ่มโตนสะตอ กล่าวว่า นอกจากการยื่นหนังสือให้มีการยุติการสร้างอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่วทั้งหมด 5ข้อ คือ ให้ตรวจสอบโครงการซึ่งไม่ชอบมาพากล เพราะหนังสือที่ส่งไป ไม่ได้ผ่านการทำเวทีประชาคม และเป็นการแอบอ้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้น การก่อสร้างไม่มีความจำเป็น เพราะในพื้นที่โดยรอบก็มีอ่างเก็บน้ำป่าบอน และอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง ซึ่งชาวบ้านก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรมากนัก อีกทั้งเป็นการทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ มิหนำซ้ำ ยังมีการจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อมปลอมขึ้น โดยมีการคัดลอกข้อมูลบางส่วนมาจาก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลของทาง จ.พัทลุงเลย ถือเป็นกระบวนการฉ้อฉลและดูถูกชาวบ้านเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ทางกลุ่มย้ำว่า หลังจากยื่นหนังสือเสร็จ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดก็ยังคงปักหลักอยู่ที่หน้าศากลางต่อเนื่อง จนกว่าจะได้รับคำตอบที่พอใจ และประกาศจะมีการยกระดับการชุมนุมต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ทางจังหวัดฯได้เร่งตรวจสอบข้อมูลและเร่งระงับโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว

อย่างไรก็ตามทางด้านนายกู้เกียรติ ฯ ผวจ.พัทลุง ระบุ หลังจากนี้จะเร่งสรุปรายละเอียด หลักการและเหตุผลในการคัดค้าน ความจำเป็นของโครงการ รวมทั้งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เพื่อเสนอหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงพิจารณาต่อไป.

ตร.เร่งรวบรวมหลักฐาน เตรียมออกหมายจับมือปืนที่ก่อเหตุยิงสองพี่น้องเซียนไก่ชนเสียชีวิต

ตร.เร่งรวบรวมหลักฐาน เตรียมออกหมายจับมือปืนที่ก่อเหตุยิงสองพี่น้องเซียนไก่ชนเสียชีวิต
พ.ต.อ.สุริยา ปัญญามัง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนชุดปฏิบัติการ การข่าวและความมั่นคง ภจว.พัทลุง ชุดสืบสวน สภ.ลำปำประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ที่มีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุยิงสองพี่น้องเซียนไก่ชนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 ส.ค.63 ที่ผ่านมา


ล่าสุดวันนี้ ความคืบหน้าทางคดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเชิงการสอบสวน และการลงพื้นที่แกะรอยเส้นทางของกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ การไล่เช็คภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดกับสื่อมวลชนได้ทั้งหมด
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกชุดก็เร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงไปยังกลุ่มคนร้าย เพื่อเตรียมออกหมายจับแล้ว.

เผยภาพจากกล้องวงจรปิด พบรถยนต์เก๋งต้องสงสัยที่ก่อเหตุยิงสองพี่น้องเซียนไก่ชนเสียชิวิต

ภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้จุดเกิดเหตุ ที่มีกลุ่มคนร้ายดักยิงสองพี่น้องเซียนไก่ชนเสียชีวิต สามารถบันทึกภาพรถยนต์เก๋งต้องสงสัยไว้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งตรงตามที่มีพยานใกล้จุดเกิดเหตุได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ เป็นรถยนต์เก๋งโตโยต้า แคมรี่สีขาว ป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ได้ขับผ่านจุดดังกล่าว ซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับเวลาที่ นายปรีชา หรือ ณัฐกิตติ์ ชูจันทร์ อายุ 55 ปี และ นาย ทวี ชูจันทร์ อายุ 57 ปี ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งจะใช่รถคันเดียวกันกับกลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามรถยนต์คันดังกล่าว เพื่อติดต่อเจ้าของรถมาสอบสวนเพิ่มเติมต่อไปแล้ว


อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกชุดที่เกี่ยวข้อง ต่างเร่งประชุมและลงพื้นที่เก็บภาพจากกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มคนร้ายใช้เส้นทาง ทั้งก่อนเกิดเหตุ และใช้หลบหนี ซึ่งขณะนี้ก็พอจะรู้ตัวกลุ่มคนร้ายแล้ว และมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร คาดว่าอีกไม่เกิน 2 ถึง 3 วันนี้ จะสามารถออกหมายจับได้อย่างแน่นอน.

รอง ผบช.ภ.9 ลงพื้นที่ติดตามคดีคนร้ายดักยิงสองพี่น้องเซียนไก่ชนเสียชีวิต

ตร.เร่งไล่กล้องวงจรปิดและพอจะรู้ตัวคนก่อเหตุแล้ว เมื่อช่วงเวลา 11.30น. ที่ผ่านมา พล.ต.ท. โชติ ชัยชมภู รอง ผบช.ภ.9 ได้ลงพื้นที่ สภ.ลำปำ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจ ภ.9 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.พัทลุง และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ลำปำ เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี ที่มีคนร้ายดักยิงสองพี่น้องเซียนไก่ชนเสียชีวิต คือ นายปรีชา หรือ ณัฐกิตติ์ ชูจันทร์ อายุ 55 ปี และ นาย ทวี ชูจันทร์ อายุ 57 ปี เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ที่บริเวณถนนสายในหมู่บ้าน บ้านวัดกุฎ ในพื้นที่ ม.7 ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง


ล่าสุดขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เร่งไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งพอจะเห็นภาพรถยนต์เก๋งคันที่กลุ่มคนร้ายใช้ก่อเหตุแล้ว และนอกจากนี้ยังได้เรียกญาติผู้ตาย และพยานใกล้ที่เกิดเหตุไปสอบปากคำแล้วหลายราย รวมถึงบุคคลที่เคยมีเรื่องทะเลาะกับผู้ตายในช่วงก่อนเกิดเหตุมาแล้วด้วย


ส่วนปมความขัดแย้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังมุ่งประเด็นปมความขัดแย้งกันภายในบ่อนไก่ชน แต่ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นเรื่องส่วนตัวอื่นๆ เพราะ นายปรีชา หรือ ณัฐกิตติ์ ฯผู้ตายเองก็ทำธุรกิจอีกหลายอย่างไม่ว่า จะเป็นการรับเหมาขุดบ่อดิน การปล่อยเงินกู้นอกระบบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจว่าน่าจะสามารถออกหมายจับติดตามตัวผู้ก่อเหตุคดีนี้มาได้โดยเร็วที่สุด.

คนร้ายดักยิงสองพี่น้องเซียนไก่ชนเสียชีวิต 2 ราย คาดปมขัดแย้งมาจากเรื่องชนไก่ภายในบ่อน

เมื่อเวลา 14.26น.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยศวรรธ กระจ่างวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำปำ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เร่งเข้าตรวจสอบบริเวณถนนสายในหมู่บ้าน บ้านวัดกุฎ ในพื้นที่ ม.7 ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง หลังได้รับแจ้งว่ามีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต


เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ พบร่างนายปรีชา หรือ ณัฐกิตติ์ ชูจันทร์ อายุ 55 ปี ถูกยิงเข้าบริเวณชายโครง แผ่นหลัง และหัวไหล่ด้านขวาเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ใกล้กันพบยังพบนาย ทวี ชูจันทร์ อายุ 57 ปี ถูกยิงเข้าบริเวณชายโครงด้านซ้ายทะลุหลัง ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง จึงได้เร่งนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลพัทลุงก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา และยังทราบว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันอีกด้วย และนอกจากนี้ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังพบปลอกกระสุน ขนาด 9 มม.ตกอยู่ จำนวน 2ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบ


จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทั้งสองได้ขับรถ จยย.ออกจากบ้าน เพื่อชนไก่ที่บ่อนชนไก่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ แต่ระหว่างนั้นคาดว่ามีรถจอดอยู่หน้าบ่อนเยอะ จึงนำรถ จยย.ของตัวเองฝากไว้ที่บ้านของเพื่อนบ้านใกล้กัน ก่อนเดินเข้าไปในบ่อนชนไก่ ซึ่งมีกลุ่มของคนร้ายได้จอดรถดักรออยู่แล้ว พอได้จังหวะ 1 ในกลุ่มคนร้ายได้ลงจากรถที่จอดรออยู่กระหน่ำยิงใส่ผู้ตายทั้ง 2 จนเสียชีวิต หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายก็ขับรถหนีไปท่ามกลางความชุลมุน


และจากข้อมูลเบื้องต้น ยังทราบอีกว่า นายปรีชา หรือ ณัฐกิตติ์ฯ ผู้ตาย เคยมีปัญหากันกับเซียนชนไก่รายหนึ่งในพื้นที่ จ.ตรัง คาดอาจจะเป็นชนวนเหตุในครั้งนี้ เพราะก่อนเกิดเหตุเพียง 1 เดือน นายปรีชา หรือ ณัฐกิตติ์ ฯ ผู้ตายได้กลับมาสร้างบ้านอยู่ในพื้นที่ จ.พัทลุง และตั้งใจจะกลับมาอยู่บ้านตัวเอง


แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะเร่งตรวจสอบในจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมเรียกญาติของผู้ตายมาสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดต่อไป

รวบแล้ว 3 มือปืน ก่อเหตุอุกอาจ กราดยิงถล่มคู่อริกลางเมือง

เผยปมขัดแย้งเรื่องส่วนตัวที่เคยบาดหมางกันมาก่อน
พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้ลงพื้นที่ จ.พัทลุง เพื่อติดตามคดีที่กลุ่มคนร้ายบุกยิงถล่มคู่อริกลางเมืองเกือบ 40 นัด มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 29 ก.ค.63 ที่บริเวณหน้า ธ.ก.ส.สาขาท่ามิหรำ อ.เมืองพัทลุง ที่ผ่านมา


ล่าสุดช่วงสายวันนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุ 3 ราย ที่ปรากฎอยู่ในภาพจากกล้องวงจรปิด ได้เดินทางเข้ามอบตัวแล้ว ประกอบไปด้วย นาย วีระยุทธ หรือเด่น หอยทรัพย์ อายุ 38ปี คนขับรถยนต์กระบะที่ลงมือสังหารคนแรก นายภูวเนศวร์ หรือชาย หนูมาก อายุ 45ปี และนาย ศรชัย หรือโหนด ทับครุฑ อายุ 42ปี ชายที่ถือปืนยาวตามยิงผู้ตายรายที่2และ3 ที่อยู่ภายในรถยนต์เก๋ง พร้อมกันนี้ก็ได้นำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 กระบอก รถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้แค๊ปสีดำ ป้ายทะเบียน บต-1815 พัทลุง ซึ่งเป็นรถยนต์คันที่นายวีระยุทธ หรือเด่นฯ ใช้ขับมาก่อเหตุก่อนหลบหนีไป


ทางด้าน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า จากการทำงานกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกชุดที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดทั้ง 2 จุด พบปลอกกระสุนมากถึง 54 ปลอก จากอาวุธปืน 3 กระบอก และการเรียกสอบพยานแวดล้อม พยานในที่เกิดเหตุรวมทั้งหมด 15 ปาก จนสามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้ 3 ราย ตามที่มีการติดต่อขอเข้ามอบตัว


ส่วนปมความขัดแย้งมาจากเรื่องส่วนตัวระหว่างนายวีระยุทธ หรือเด่นฯ ผู้ต้องหา กับนาย รัตนพงษ์ จันทร์ปน ผู้ตายรายแรกที่ถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ซึ่งก่อนหน้าเกิดเหตุทางกลุ่มผู้ตาย และกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ไปเจอกันที่สถานบันเทิง ก่อนมีการพูดจาท้าทายและนัดมาเจอกันในจุดที่เกิดเหตุ และเปิดฉากยิงถล่มใส่กลุ่มผู้ตายเกือบ40 นัด ก่อนมี2ในกลุ่มคนร้ายได้ขับรถ พาผู้ตายอีก2 รายไปทิ้งในจุดที่พบศพจุดที่ 2 ดังกล่าว พบประวัติทั้ง 2 กลุ่ม ทั้งกลุ่มของผู้ตาย และกลุ่มผู้ก่อเหตุต่างพัวพันกับยาเสพติดทั้งสิ้น


อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องเร่งสืบสวนสอบสวนต่อเนื่อง หากพบว่ายังผู้ร่วมก่อเหตุอีก ก็จะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดโดยไม่มีการยกเว้น ส่วนประเด็นที่ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุทำไมถึงกล้าก่อเหตุอย่างอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังหรือไม่ หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการสืบสวนสอบสวนต่อไป


ส่วน 1 ในกลุ่มของผู้ตายที่รอดชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจวอนให้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วที่สุด พร้อม ยืนยันจะให้การคุ้มครองอย่างดีที่สุด ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 3 รายที่เข้ามอบตัว เบื้องต้นยังคัดค้านการให้ประกันตัวไว้ก่อน.

พบรถ จยย.ต้องสงสัย จนท.อีโอดีเร่งเข้าตรวจสอบ

เมื่อช่วงเที่ยงเวลา 12.02น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.พัทลุง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เร่งลงพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟพัทลุง เพื่อกันคนออกจากจุดดังกล่าว เนื่องจากได้รับแจ้งว่าพบรถ จยย.ต้องสงสัยจอดทิ้งไว้นาน 5วันแล้ว


จากการตรวจสอบพบรถ จยย.ฮอนด้าคลิก สีดำ-แดง ป้ายทะเบียน งทต-435 สงขลา ในสภาพรถเบาะได้เปิดแง้มอยู่ ใต้เบาะพบโน้ตบุ๊คสภาพเก่าจำนวน 1 เครื่อง เสื้อผ้าผู้ชายจำนวนหนึ่ง แต่ไม่พบวัตถุอันตรายแต่อย่างใด


จากการสอบถาม ด.ต.ปรีชา เหล่าพิทักษ์พงศ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ เล่าว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27 ก.ค.63 ที่ผ่านมา พบชายวัยกลางคน ผิวดำแดง ผมหยิก อายุประมาณ 40ปี สวมกางเกงขายาว เสื้อเชิ้ต ได้ขับรถคันดังกล่าวมาจอดหลังจากนั้นก็สังเกตุเห็นชายคนดังกล่าวเปิด-ปิดเบาะรถอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นก็เดินไปนั่งบริเวณด้านหน้าห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟ แต่ได้มีการซื้อตั๋วรถหรือไม่ ไปไหนหรือมีใครมารับก็ไม่แน่ใจ จนกระทั่งเวลาผ่านไป5วัน ก็ยังพบรถคันดังกล่าวจอดอยู่ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ


และหลังจากนี้ รถ จยย.คันดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองก็จะนำรถ จยย.ไปเก็บไว้ที่โรงพักพัทลุง เพื่อตรวจสอบและประสานเจ้าของรถมารับรถคืนต่อไป.

พบศพชายวัย 59 ปี จมน้ำเสียชีวิต คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 วัน

เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เร่งเข้าตรวจสอบบริเวณลำคลองสายท่าโพธิ์ ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง ม.7 และ ม.12 ต.ควนมะพร้าว อ.เมือง จ.พัทลุง หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า ได้พบศพลอยน้ำติดอยู่กับซากขยะในคลองดังกล่าว


หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบก็พบร่างของชายวัย 59 ปี ทราบชื่อ คือ นายจรูญ แก้งคงธรรม เป็นชาวบ้านในพื้นที่ ม.7 ต.ควนมะพร้าว จากสภาพศพเริ่มขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 วัน และจากจุดที่พบศพกับบ้านของผู้ตายก็อยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร


หลังจากนั้นทางภรรยาและลูกสาวของผู้ตาย ก็ได้เดินทางมาดูศพในที่เกิดเหตุด้วย พร้อมเล่าให้ฟังว่า ผู้ตายได้หายออกจากบ้านไปประมาณ 4 วันที่แล้ว ญาติก็ได้ติดตามหาอยู่อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีคนมาพบศพลอยน้ำ จึงคาดว่าน่าจะเป็นนายจรูญฯ ผู้ตายอย่างแน่นอน
ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ได้ช่วยกันดึงร่างของผู้ตายขึ้นมาจากคลอง ก่อนส่งศพไปตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แน่ชัดยังโรงพยาบาลพัทลุงต่อไป ส่วนสาเหตุการตายทางญาติก็ไม่ได้ติดใจอะไรแต่อย่างใด.