สำหรับวิธีการเพิ่มโดเมนเข้าไปใน CloudFlare มีขั้นตอนดังนี้
1.พิมพ์ URL: cloudflare.com => Log In (หากคุณยังไม่มีบัญชีก็ กดสมัคร ได้เลย)

2. ใส่ Username และ Password จากนั้นคลิก Log in

3. คลิกที่ + Add a Site

4. ที่ Enter your site (example com): ใส่ชื่อโดเมน จากนั้นคลิกที่ Add site ตรงนี้ไม่ต้องใส่ http:// และ www นะ

5. ระบบจะให้เลือกบริการที่ต้องการใช้ ซึ่งมีทั้งแบบฟรี และแบบเสียเงิน
เราแนะนำให้เลือกแบบฟรีก็เพียงพอ ให้คลิกที่ Free จากนั้นกด Confirm plan

6. ระบบจะเข้าสู่หน้า Reviews your DNS Records หน้านี้สำคัญมาก ให้ตรวจสอบดูดีๆ ก่อนว่า DNS Record แสดงครบหรือไม่ก่อนกด Continue วิธีตรวจสอบให้เทียบกับ DNS Record ใน Hosting Control Panel ได้เลยสำหรับ Plesk และ สำหรับ DirectAdmin
เมื่อเห็นว่า Record ครบถ้วนดีแล้ว ให้ตรวจสอบเพิ่มเติมในส่วน Proxy Status (รูปก้อนเฆม)
จะเห็นว่ารูปก้อนเฆมมีสองมี เทากับ ส้ม
ก้อนเฆมสีส้มคือ กำหนด DNS Record นี้เชื่อมต่อผ่าน CloudFlare Content Delivery Network ผ่าน Firewall ของ CloudFlare การตั้งค่านี้จะทำให้การเว็บไซต์เข้าถึงได้รวดเร็วจากทุกมุมโลก และป้องกันการโจมตีจาก Botnet และ Hacker โดยชุด Record ที่ควรกำหนดสีส้มไว้ก็จะเป็น Record Type A ของชื่อเว็บ ทั้ง www และ ไม่ www รวมไปถึง sub-domain ทั้งหมด
ก้อนเฆมสีเทาคือ กำหนด DNS Record นี้เชื่อมต่อตรงเข้ามาที่ Server ไม่ต้องผ่าน Content Delivery Network และ Firewall ของ CloudFlare พวกค่า Record ที่จำเป็นต้องตั้งสีเทาก็จะเป็น Record เกี่ยวกับ Email ทั้งหมด หรือบริการอื่นๆ ที่จำเป็นต้องเชื่อมต่อโดยตรงเข้า Server เช่นชื่อที่อยู่ Record Type A ของ FTP Server หรือ Database Server

เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้วให้คลิก Continue
7. หลังจากตั้งค่า DNS เสร็จแล้ว เพื่อให้การตั้งค่สมบูรณ์เราจำเป็นต้องเปลี่ยน Nameserver จากที่ใช้เดิมมาเป็น Nameserver ของ CloudFlware ด้วย ตามรูปจะเห็นว่า Cloudflare อยากให้เว็บตัวอย่างเปลี่ยนไปใช้ Nameserver ของ Clooudflare ที่ชื่อ alfred.ns.cloudflare.com และ kristina.ns.cloudflare.com เราก็คัดลอกแล้วนำไปเปลี่ยนที่ Domain Control Panel (สำหรับ Domain จดทะเบียนกับ hostatom สามารถแก้ไขได้ดังนี้ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ของเราผ่านระบบ Support Ticket ได้ให้เราทำให้เลย)
สามารถแก้ไขได้ดังนี้ ใส่ Link ไปที่

เมื่อเปลี่ยน Nameserver เรียบร้อยแล้วให้รอประมาณ 15 นาทีจากนั้นกลับมาคลิกที่ Done, Check nameserver (บางครั้งกระบวนการนี้อาจจะต้องรออย่างน้อย 4 ถึง 24 ชั่วโมงกว่าจะเห็นผล ถ้าคลิกแล้วยังไม่ได้ ให้รอไปก่อนแล้วค่อยกลับมาตรวจสอบใหม่ แต่ถ้าเกิน 24 ชั่วโมงแล้วยังไม่ได้ แบบนี้ผิดปรกติแน่นอน ให้ตรวจสอบอีกครั้งว่า namserver ที่เปลี่ยนนั้นถูกต้องหรือไม่กับ https://intodns.com/ )
8. เมื่อผ่านขั้นตอนตรวจสอบ DNS เรียบร้อยแล้วก็มาคลิกที่ Get Started เพื่อเริ่มใช้งานได้เลย

9. Improve security: SSL/TLS Encryption Mode ส่วนนี้จะเป็นการทำงานของ SSL แนะนำให้เลือก Full จากนั้นคลิกที่ Save

10. Improve security: Always use HTTPS ส่วนนี้จะเป็นการกำหนดค่า HSTS (HTTP Strict Transport Security) เพื่อให้การเชื่อมต่อใช้ https ตลอดเวลา หากไม่มี https หรือใบรับรอง ssl ผิด หรือหมดอายุก็จะไม่อนุญาติให้เข้าเว็บไซต์ได้เลย ค่านี้เราแนะนำให้ตั้งเป็น Off ไว้ จากนั้นคลิกที่ Save

สาเหตุที่ให้ Off ไว้ก็เพราะว่า หากเว็บไซต์มีปัญหา หรือต้องการ debug หรือย้าย Server หรือต่ออายุ SSL ไม่ทัน ต้องการเปลี่ยนใบรับรอง SSL แต่ใส่ค่าบางอย่างผิด การเปิด HSTS จะทำให้กระบวนการนี้ยุ่งมากๆ เนื่องจากไม่สามารถทดสอบเว็บไซต์บน Server ได้เลย ในทางกลับกันสำหรับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ธนาคาร บัตรเครดิต หรือมีข้อมูลสำคัญเป็นความลับจำนวนมาก ก็พิจารณาเปิด HSTS ไว้ได้เลย เนื่องจากเปิดไว้ก็จะเพิ่มความปลอดภัยได้มาก
11. Optimize performance: Auto Minify แนะนำให้ไม่ต้องติ้กอะไร จากนั้นคลิกที่ Save

การทำ Minify คือการลดบรรทัด Code ให้ติดกันเวลาโหลดเว็บจะโหลดได้เร็วขึ้นตอบสนองเร็วขึ้นอีกจิ๊ดนึง เน้นย้ำเลยนะว่าจิ๊ดนึงไม่ใช่นิดนึง หรือหน่อยนึง ซึ่งจากประสบการณ์เรามักพบว่าการเปิด Auto Minify ของ CloudFlare บ่อยครั้งจะพบว่าเว็บไซต์ ในส่วนของ java และ css จะแสดงผลผิดเพี้ยน จุดนี้เลยไม่แนะนำให้ใช้นะ
12. Optimize performance: Broti จุดนี้ถ้าเปิดจากทำให้การเชื่อมต่อแบบ https ทำงานได้เร็วขึ้นดีขึ้น แนะนำให้เปิดไว้ เรียบร้อยแล้วคลิกที่ Save

13. Summary คลิกที่ Finish เป็นอันเรียบร้อย

14. หลังจาก CloudFlare ทำงานได้ 24 ชั่วโมงก็จะมีสถิติให้เราดูกันว่า Cloudflare ช่วยประหยัด Bandwidh ได้เท่าไหร่ ผู้เข้าชมเว็บไซต์มีกี่คนจะไหนบ้าง และ Block การเชื่อมต่อของ Botnet และ Hacker ได้บ้างมั้ย วิธีการดูสามารถทำได้โดย
เลือกชื่อโดเมนที่ต้องการดู

คลิกที่ Analytics

สถิติจะแสดงหใ้หเ็นถึง Bandwidth ที่ใช้

