กลุ่มศิลปินมโนราห์เดือดร้อนหนักเปิดแสดงไม่ได้ รวมตัวหน้าศาลากลางเรียกร้องขอความเป็นธรรม

เมื่อช่วงก่อนเที่ยงที่ผ่านมา กลุ่มศิลปินมโนราห์จังหวัดพัทลุง รวมตัวกันบุกศาลากลาง เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพัทลุง เนื่องจากเดือดร้อนหนักไม่มีงานในห้วง2ปีที่ผ่านมา โดยมีนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้ลงมารับหนังสือด้วยตนเอง

การเดินทางมาของกลุ่มมโนราห์ในครั้งนี้ นำโดยมโนราห์อ้อมจิต นางอ้อม สงแทน และ มโนราห์ โทน ดาวรุ่งท่าแค นายนริศร เพชรมณี

เนื่องจากตามที่มีคำสั่งของ ศบค. ภายใต้การดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 รวมทั้งการจัดระบบระเบียบราชการได้กำหนดให้สถานที่หรือการดำเนินการกิจกรรมไม่สามารถเปิดการแสดงได้ ศิลปินมโนราห์ คณะมโนราห์และทางเจ้าภาพได้ไปขออนุญาตจัดงานกิจกรรม ไม่เคยได้รับอนุญาตจากทางหน่วยงานราชการทุกภาคส่วน ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับศิลปินมโนราห์ โดยส่งผลกระทบต่อรายได้ของกลุ่มศิลปินและกลุ่มแสงสีเสียง เวที นักดนตรี และผู้ประกอบการ ทำให้เกิดความเดือดร้อนถึงครอบครัวและเกิดภาระหนี้สิน จนเกินกว่าจะอดทนรอ

ดังนั้น ทางกลุ่มศิลปินมโนราห์จังหวัดพัทลุง จึงขอความอนุเคราะห์และความเข้าใจถึงความเดือดร้อนของกลุ่มศิลปินเหล่านี้ โดยเบี้องต้น 1 ขอให้สามารถประกอบพิธีกรรมของมโนราห์ เช่น ตั้งหิ้ง และมโนราห์แก้บน 2 ขอให้สามารถแสดงมโนราห์โรงครูได้ 3 ขอให้สามารถแสดงมโนราห์โรงโบราณได้ และ 4 ขอให้สามารถเปิดการแสดงมโนราห์ โดยทั่วไปได้ โดยเร็วที่สุด

ทางด้านนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ กล่าวว่า หลังรับหนังสือดังกล่าวจะเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพัทลุง ภายในวันอังคารที่จะถึงนี้ เพื่อขอเห็นและมติประชุมของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพัทลุง ว่าจะสามารถผ่อนคลายมาตรการตามที่กลุ่มศิลปินมโนราห์จังหวัดพัทลุง เรียกร้องได้หรือไม่ โดยเฉพาะการแสดงที่มีคนร่วมกิจกรรมจำนวนน้อย เช่น พิธีกรรมของมโนราห์ เช่น ตั้งหิ้ง และมโนราห์แก้บน และแสดงมโนราห์โรงครู ซึ่งการผ่อนคลายมาตรการนั้นต้องดูสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด – 19 ในช่วงนี้ด้วยถึงแม้ว่าโควิด – 19 สายพันธุ์ใหม่โอมิครอน ยังไม่มีในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุง

อีกทั้งในขณะนี้ พื้นที่ของจังหวัดพัทลุง ยังมีการแพร่ระบาดของโรคกระจายในหลายอำเภอ จากคลัสเตอร์บ่อนไก่ชน พื้นที่อำเภอศรีนครินทร์ ที่มีพนักจากต่างจังหวัด เดินทางเข้าเล่นการพนันไก่ชนเป็นจำนวนมาก และเชื้อได้แพร่กระจายไปทั่วเกือบทั้งจังหวัดพัทลุง ดังนั้นเรื่องดังกล่าวก็จะนำเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพัทลุง เช่นกัน ถึงมาตรการการควบคุมโรค ซึ่งอาจจะเป็นไปได้หากยังพบผู้ป่วยติดเชื้อจากคลัสเตอร์บ่อนไก่ชน ก็พร้อมที่จะสั่งปิด ทันที่ ล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่ 70 ราย

ทางด้าน นายนริศร เพชรมณี หรือ มโนราห์ โทน ดาวรุ่งท่าแค กล่าวว่าที่ผ่านมาเกือบ 2 ปีเต็ม กลุ่มศิลปินมโนราห์ ในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและจังหวัดใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถเปิดการแสดงได้เลย แม้แต่การแสดงกลุ่มเล็กๆเช่นพิธีกรรมของมโนราห์ เช่น ตั้งหิ้งบูชา และมโนราห์แก้บน และแสดงมโนราห์โรงครู ทำให้ขาดรายได้และมีหนี้สินเพิ่ม อีกทั้งยังได้รับการเยี่ยวยาจากรัฐบาล จากสถานการณ์โรคโควิด – 19 เลย จึงได้มาเรียกร้องขอความเป็นธรรมในการเปิดแสดง เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว และลูกน้องในคณะ.

รมว.การท่องเที่ยวร่วมวางศิลาฤกษ์มณฑปพ่อขุนศรีศรัทธาบรมครูมโนราห์วัดท่าแค

“มโนราห์” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ จากยูเนสโก เป็นที่ยินดีของประชาชนชาวจังหวัดพัทลุงและประชาชนชาวปักษ์ใต้ จึงได้วางศิลาฤกษ์มณฑปพ่อขุนศรีศรัทธาบรมครูมโนราห์ ณ.วัดท่าแค ต้นกำเนินถิ่นมโนราห์ศิลปะการแสดงพื้นบ้านให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วทั้งประเทศไทยและชาวต่างประเทศ

และในวันนี้ 6 มกราคม 2565 ที่วัดท่าแค ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางนางนาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และนายกูเกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมคณะได้วางศิลาฤกษ์มณฑปพ่อขุนศรีศรัทธาบรมครูมโนราห์ ต้นกำเนินถิ่นมโนราห์ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ การสร้างมณฑปพ่อขุนศรีศรัทธา เป็นแหล่งยึดเหนียวจิตใจของผู้ศรัทธา

และคงไว้แห่งเอกของศิลปะที่เรียกว่า “โนรา” และประดิษฐานรูปเหมือนพ่อขุนศรีศรัทธา พร้อมรองรับผู้มีจิตศรัทธาและนักท่องเที่ยวที่มาสักการะพ่อขุนศรีศรัทธา จะเป็นการพัฒนาส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และร่วมมือกันช่วยกันอนุรักษ์สืบสานสิ่งที่มีคุณค่าด้านศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ให้เป็นภาพลักษณ์อันโดดเด่นของประชาชนชาวจังหวัดพัทลุงและชาวปักษ์ใต้


และตามความเชื่อในเรื่องโนราว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามารถคุ้มครองดูแล รักษาลูกหลานที่นับถือตายายให้มีความเจริญรุ่งเรือง และพ่อขุนศรีศรัทธาวัดท่าแคคือบรรพบุรุษทางมโนราที่ลูกหลาน นับถือให้ความเคารพ กราบไหว้ บูชามาทั้งแต่ปู่ยา ตา ยาย มณฑปที่จะสร้างขึ้นถือเป็นสิ่งที่ลูกหลานผู้มีจิตศรัทธาให้ความเคารพนับถือ และให้คงอยู่เป็นที่สักการะของประชาชนชาวจังหวัดพัทลุงและชาวปักษ์ใต้
การวางศิลาฤกษ์มณฑปพ่อขุนศรีศรัทธาบรมครูมโนราห์ เพื่อก่อสร้างนั้น “มโนราห์เกรียงเดช” หรือ นายเกรียงเดช ขำณรงค์ พร้อมคณะกรรมการส่งเสริมและสืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น (โนราโรงครูท่าแค)

เป็นผู้ริเริ่ม โดยมีอาจารย์เขียนศักดิ์ แสงเกลี้ยง สถาปนิกผู้ออกแบบมณฑป และเป็นเรื่องที่ยินดีของประชาชนชาวจังหวัดพัทลุงและประชาชนชาวปักษ์ใต้ “มโนราห์” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ จากยูเนสโก จึงได้วางศิลาฤกษ์มณฑปพ่อขุนศรีศรัทธาบรมครูมโนราห์ ณ.วัดท่าแค ต้นกำเนินถิ่นมโนราห์ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วทั้งประเทศไทยและชาวต่างประเทศ

สองน้าหลานขับรถยนต์กระบะเสียหลักลงข้างทาง ชนอัดก็อบปี้ต้นไม้ เสียชีวิต รายที่ 3และ 4 ใน ช่วง 7 วัน อันตราย

ช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจ สภ.เขาชัยสน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เร่งนำเครื่องตัดถ่างเข้าช่วยเหลือคนติดภายในซากรถ หลังได้รับแจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะเสียหลักลงข้างทาง แล้วชนอัดก็อบปี้อยู่กับต้นไม้ เหตุเกิดช่วงโค้งสัมพันธ์ ขาล่องใต้ ก่อนถึงหลัก42 ในพื้นที่ ม.7 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง

ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ โตโยต้าวีโก้ 4 ประตู ป้ายทะเบียน กค_3884 พัทลุง ชนอัดก็อบปี้ติดอยู่กับต้นไม้ริมทาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่าง งัดซากรถนานเกือบ 1 ชั่วโมง จึงจะสามารถนำร่างคนขับและคนนั่งข้างคนขับออกมาได้ ในสภาพเสียชีวิตแล้วทั้งคู่ พบว่ายังเป็นน้ากับหลานกันอีกด้วย ทราบชื่อผู้ตายทั้งสอง คือ นายจีรวัตร คงเคว็ด อายุ 32 ปี คนขับ และ นายถาวร อรุณโณ อายุ 57 ปี นั่งข้างคนขับ

หลังจากนั้นทางตำรวจ และแพทย์เวรโรงพยาบาลเขาชัยสน ได้ลองพื้นที่เกิดเหตุเพื่อชันสูตรเบื้องต้น ก่อนส่งร่างผู้ตายทั้งสองคนชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตเพิ่มเติมยังโรงพยาบาลเขาชัยสนต่อไป.

ภาพ/ข่าว #กระแสข่าวพัทลุง

เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ใจป้ำ แจกรถยนต์กระบะ พร้อมของขวัญคืนกำไรให้ลูกค้ากว่า 2 ล้านบาท

นายคมกริช สุกอินทร์ เจ้าของร้านพัทลุงเบดดิ้ง คืนกำไรให้ลูกค้า แจกใหญ่ข้ามปี แจกรถยนต์กระบะเอ็มจีเอ็กเทนเดอร์ แคป มูลค่ามากกว่า 5 แสนบาท และมอบโชคอื่นๆ มีทั้งสร้อยคอทองคำ ชุดเครื่องนอนมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 2 ล้านบาท

และผู้โชคดีที่ได้รางวัลใหญ่รถยนต์กระบะ ในครั้งนี้คือ คุณกรกานต์ อินสุวรรณ์ อยู่ 194 ม.1 ต.ตะแพน อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง หลังจากมารับรางวัลบอกว่าตนรู้สึกดีใจมากยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่ซะอีก ถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ต้อนรับปีใหม่ ซึ่งตอนนั้นตนมาซื้อที่นอน หมอน และโต๊ะ มูลค่าแค่ 15,000บาทเท่านั้น และทางร้านก็ให้เขียนชื่อร่วมลุ้นรางวัลในช่วงสิ้นปี ไม่คิดว่าตนจะโชคดีได้รางวัลดังกล่าว.

รวบ แก้วนาโหนด ตามหมายศาลหลายคดี

เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองพัทลุง สืบจังหวัดพัทลุงสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับสืบสวน3 ตำรวจภูธรภาค9 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม6 ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายแก้ว อายุ ๓๖ ปี บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทลุงที่ จ.๔๒๘/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๔

ได้ในบ้านพักตำบลนาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง ในข้อหากระทำความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ใน ความครอบครองโดยผิดกฎหมายและพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน,และทำให้เสียทรัพย์”


ซึ่งเป็นหมายจับในคดีอาญาของ สภ.เมืองพัทลุง หมายจับของศาลจังหวัดพัทลุงที่ จ.๔๓๖/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม๒๕๖๔ ในข้อหากระทำความผิดฐาน”ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย,ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวหรือมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์,ร่วมกันยิงปีนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน,และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”


ซึ่งเป็นหมายจับในคดีอาญาของ สภ.เขาชัยสนหมายจับของศาลจังหวัดพัทลุงที่ จ.๔๑๗/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑ ธันวาคม๒๕๖๔ ในข้อหากระทำความผิดฐาน”ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ทรัพย์สินเสียหายแล้วหลบหนีไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานที่ใกล้เคียงทันที” ซึ่งเป็นหมายจับในคดีอาญาของ สภ.เขาชัยสน
ควบคุมตัวผู้ต้องหาจัดทำบันทึกพร้อมของกลางนำส่ง พงส.สภ.เมืองพัทลุง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รวบ หนึ่ง ลานข่อย ค่าหัวสองแสนในคดีพยายามฆ่า พร้อมอาวุธปืนสงครามคู่กายที่ใช้ก่อเหตุ

จากกรณีที่คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 กราดยิงบ้านของนายสิทธิโชค แก้วทองสุข อายุ 42 ปี เหตุการณ์เกิดที่บ้านเลขที่ 250 หมู่ที่ 2 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง เมื่อช่วงหัวรุ่งของวันที่ 28 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นศาลจังหวัดพัทลุงได้อนุมัติออกหมายจับผู้ก่อเหตุ คือ นายณัฐยศ หรือหนึ่ง สีราม อายุ 20 ปี หรือ “ หนึ่ง ลานข่อย “ ตามหมายจับที่ 443/2564 ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ในความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่น

ทำให้เสียทรัพย์ และมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 ธ.ค.64 พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง พ.ต.ต.จำเริญ อินทร์เเก้ว สว.กก.ตชด.11 หน.ชุดปราบปรามผู้มีอิทธิพล เเละ มือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ นำกำลังตำรวจชุดไล่ล่า สนธิกำลังร่วมกับตำรวจชุดปฎิบัติการพิเศษกองร้อย ตชด. 434 พัทลุง ได้บุกเข้าจับกุมตัว “ หนึ่ง ลานข่อย “ ได้ขณะเข้าพักซ่อนตัว อยู่ในพื้นที่ ม.11 ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืนสงครามชนิดเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนเอ็ม 16 จำนวน 96 นัด แมคบรรจุกระสุน 3 แมค อุปกรณ์การเสพยาบ้า 2 ชุด และยาบ้าอีก จำนวน 4 เม็ด

ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพักงานสอบสวน สภ.ป่าพะยอมเพื่อดำเนินคดีต่อไป

หนึ่งลานข่อย เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีพยายามฆ่าที่ใช้อาวุธปืนสงครามก่อเหตุยิงคนงานตัดหญ้าในพื้นที่ของ อ.ป่าพะยอมมาแล้วถึง 3 ครั้ง ซึ่งมีค่าหัวเป็นรางวัลนำจับครั้งแรก 5หมื่นบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.64 ก่อเหตุใช้อาวุธปืนสงครามยิงข่มขู่ชาวบ้านในพื้นที่อีก จนมีการตั้งรางวัลนำจับสูงถึง 2 แสนบาท พยามหลบหนี สุดท้ายไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ตามรวบได้พร้อมอาวุธปืนคู่กายที่ใช้ก่อเหตุ

พัทลุง-น้ำนมถั่วหรั่ง คว้าสุดยอดนวัตกรรมชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในงาน TSU2T Innovation Fair มหาวิทยาลัยทักษิณ

จากที่ทางมหาวิทยาลัยทักษิณ จัดประกวดสุดยอดนวัตกรรมชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก The Best U2T Innovation Award ในงาน “TSU2T Innovation Fair”เพื่อเฟ้นหานวัตกรรมชุมชนที่จะสามารถต่อยอดไปสู่เชิงพานิชย์ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน โดยมีนวัตกรชุมชนจาก 65 ตำบลในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุงและสงขลา

นำผลงานนวัตกรรมของตำบลเข้าร่วม ผลปรากฏว่า ทีม Babara Milk จากตำบลคลองเฉลิม อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง คว้ารางวัลชนะเลิศไปครอง ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท พร้อมโล่เชิดชูเกียรติจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ จากผลงานนวัตกรรมน้ำนมถั่วหรั่ง ส่วน รางวัลรองชนะเลิศอันดับ1 ได้แก่ ทีมเฌอ จากตำบลชุมพล อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง ด้วยผลงานนวัตกรรมธนาคารขยะ 4.0 ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท พร้อมโล่เชิดชูเกียรติ

และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ2 ได้แก่ KHOTAO MARKET จากตำบลเกาะเต่า อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ผลงานนวัตกรรมหัตถกรรมเชือกกล้วยสานใจรัก ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท พร้อมโล่เชิดชูเกียรติ

ส่วนรางวัลชมเชย ได้แก่ ทีมก๊ะขายแหนม จากตำบลแม่ขรี อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง ผลงานนวัตกรรมแหนมปลา ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 5,000 บาท โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร. ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยทักษิณ ให้เกียรติมอบรางวัลแก่นวัตกรชุมชนที่ได้รับรางวัลจากกิจกรรมและกล่าวปิดงาน

รองศาสตราจารย์ ดร. ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ กล่าวว่า โครงการ U2T มีระยะเวลาการดำเนินงานเกือบ 1 ปี ทุกคนต่างทุ่มเทแรงกายแรงใจในการพัฒนาพื้นที่ทั้ง 65 ตำบลของจังหวัดพัทลุงและสงขลา และหลังจากนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะจังหวัดพัทลุงและสงขลา เท่านั้น แต่จะขยายการทำงานด้านนวัตกรรมชุมชน

การพัฒนาเชิงพื้นที่ โครงการนวัตกรรมสังคมไปยังพื้นที่อื่นๆด้วย เพื่อมุ่งหวังให้เป็นมหาวิทยาลัยของภาคใต้และของประเทศต่อไป ซึ่งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เราทำงานก้าวข้ามขีดจำกัดและสร้างโอกาสใหม่ๆ อันมากมายในท่ามกลางวิกฤตการณ์โควิด-19 เราพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะมีสภาวะวิกฤตปัญหา

และสถานการณ์ที่ไม่เอื้อต่อการทำงาน แต่พวกเราก็สามารถที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดอันมากมายเหล่านี้ได้ด้วยพลัง ศักยภาพ และความร่วมมือของทุกคน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีต่อไปมหาวิทยาลัยทักษิณจะนำพาทุกคนไปร่วมกันวาดขอบฟ้าใหม่ ขอบฟ้าที่จะนำไปสู่การทำให้พื้นที่ทั้งพัทลุง สงขลาและพื้นที่อื่นๆ เป็นพื้นที่ที่เข้มแข็ง สามารถจัดการตนเองได้อย่างมีคุณภาพ โดยมหาวิทยาลัยทักษิณจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อน

สำหรับงาน “TSU2T Innovation Fair หรือ นวัตกรรมชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ จัดขึ้นเพื่อสร้างพื้นที่กลางในการจัดแสดงสุดยอดนวัตกรรมเด่นจากการดำเนินโครงการ สำหรับใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา

โดยมีมหาวิทยาลัยทักษิณเป็นหน่วยงานบูรณาการโครงการ ประกอบด้วยกิจกรรมวิชาการ อาทิ การปาฐกถา การเสวนา การจัดนิทรรศการ การประกวดนวัตกรรมชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมภาคค่ำ เช่น การแสดงศิลปะพื้นบ้านและวงดนตรีจากศิลปินชั้นนำระดับประเทศ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-29 ธันวาคม 2564 ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง.

ตร.คุมตัวสาวทอมทำแผน หลังก่อเหตุใช้ปืนปลอมจี้สร้อยข้อมือทอง สุดท้ายหนีไม่รอดถูกชาวบ้านช่วยกันจับไว้ได้

ช่วงบ่ายของวันที่ 28 ธ.ค.64 ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง คุมตัวสาวทอมวัย 27ปี ทราบชื่อ คือ นางสาวอัชราภรณ์ แก้วประดิษฐ์ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุใช้ปืนปลอม จี้ชิงสร้อยข้อมือทองคำหนัก 2 บาท เหตุเกิดบริเวณซุ้มร้านน้ำชา ริมถนนสายเอเชีย พื้นที่ ม.9 ต.ท่ามิหรำ อ.เมืองพัทลุง

แต่ก่อเหตุไม่สำเร็จเนื่องจากชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ช่วยกันจับตัวไว้ได้ ก่อนแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบและควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย

สาวทอมวัย 27ปี ผู้ต้องหารับสารภาพพร้อมจำนนด้วยหลักฐาน ทางตำรวจจึงควบคุมตัวไปทำแผนเริ่มจากจุดแรก ที่ผู้ต้องหาได้ขับรถจักรยานยนต์ไปซื้อปืนพลาสติกที่ร้านทุกอย่าง 20 บาท บริเวณตลาดเจ๊เหี้ยง ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ก่อนนำไปก่อเหตุจี้ชิงทอง

นางสาวสุภาวดี เจ้าของร้านที่เกิดเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนชงกาแฟอยู่ในร้าน มีลูกน้องและญาติอีก 3 คนนั่งอยู่นอกร้าน ขณะนั้นสาวทอมได้ขับรถจักรยานยนต์ไม่ปิดแผ่นป้ายทะเบียน สวมใส่หมวกกันน๊อคแบบเต็มใบสีดำ มาจอดหน้าร้าน ทำทีเดินเข้ามาสั่งชาเย็น ในขณะที่ตนกำลังชงชาเย็นให้สาวทอม จู่ๆสาวทอมก็เดินเข้ามาในร้านพร้อมใช้อาวุธปืนปลอมจี้บังคับ

และดึงสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 2 บาท จากข้อมือไป ในช่วงนั้นตนพยายามแย่งปืน จนทราบว่าปืนนั้นเป็นปืนปลอม ตนจึงตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือจากลูกน้อง สาวทอมจึงตัดสินใจปล่อยปืนแล้ววิ่งหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ ตนก้วิ่งตามไปถีบจนรถของสาวทอมล้มลง เป็นช่วงจังหวะที่ลูกน้องวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากร้านค้าที่อยู่ใกล้เคียงกัน จนสามารถช่วยกันจับตัวสาวทอมไว้ได้ พร้อมสร้อยข้อมือทองคำที่จี้มาด้วย

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่า สาวทอมผู้ก่อเหตุคงมาดูลาดเลาไว้ก่อนแล้ว เพราะจำได้ว่าเคยมาซื้อน้ำที่ร้านแล้ว 2 ถึง 3 ครั้ง อีกทั้งก่อนเกิดเหตุเพียงแค่วันเดียว มีหญิงแปลกหน้าเข้าทำทีมาถามว่าร้านเปิด ปิด เวลาเท่าไหร่ จนมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

สำหรับสาวทอม ที่ก่อเหตุจากการตรวจสอบประวัติ พบเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว ซึ่งแรงจูงใจในการก่อเหตุในครั้งนี้ ทางสาวทอม อ้างเพียงสั้นๆว่า ต้องการนำเงินไปใช้จ่าย ตำรวจจึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และใช้อาวุธปืนปลอมในการก่อเหตุ.

ป่าพะยอมเหิมเกริมหนัก คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงบ้าน/ยิงคนเสียชีวิต เกือบรายวันในรอบหนึ่งเดือน

เมื่อช่วงหัวรุ่งของวันนี้ 28 ธ.ค.64 มีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม16 กราดยิงบ้านของ นายสิทธศร แก้วทองสุข เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 250 ม.2 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต


คาดเป็นการยิงเพื่อข่มขู่เท่านั้น ในที่เกิดเหตุตำรวจพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 5.56 จำนวน 22 ปลอก กระจัดกระจายอยู่รายรอบบ้านผู้เสียหาย

ล่าสุดเจ้าของบ้านได้เข้าแจ้งความ พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าพะยอมเรียบร้อยแล้ว ส่วนสาเหตุยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน

ในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ในรอบเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงวันที่ 26 พ.ย.ถึงปัจจุบัน เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามก่อเหตุแล้วเกือบ 10 คดี มีทั้งการยิงข่มขู่คนตัดหญ้าถึง3ครั้ง มีการออกหมายจับและตั้งรางวัลนำจับสูงถึง 5 หมื่นบาท ตำรวจออกไล่ล่าแต่ยังจับกุมไม่ได้ หลังจากนั้นวันที่ 17 ธ.ค.64 เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มหนุ่มวัย 29ปี เสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนสาวอีกราย ตำรวจลงพื้นที่สอบสวนจนกระทั่งออกหมายจับและติดตามจับกุมคนร้ายได้เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.64เมื่อวานนี้ จนกระทั่งหัวรุ่งที่ผ่านมาเกิดเหตุคนร้ายควงอาวุธปืนสงครามยิงบ้านกันอีกแล้ว.

.ม.ทักษิณ เปิดงาน “TSU2T Innovation Fair : นวัตกรรมชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก

ช่วงสายวันนี้ 26 ธันวาคม 2564 นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานเปิดงาน
“TSU2T Innovation Fair : นวัตกรรมชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก”

ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการโดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการพร้อมคณะผู้บริหารร่วมต้อนรับ ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง


อาจารย์ ดร.พลกฤษณ์ คล้ายวิตภัทร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริการวิชาการและชุมชนสัมพันธ์ พัทลุง และรักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการบริการวิชาการและภูมิปัญญาชุมชน กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่า มหาวิทยาลัยทักษิณ ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ดำเนินโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ

สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานประชาชนทั่วไป บัณฑิตจบใหม่และนักศึกษา ให้มีงานทำ พร้อมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมตามปัญหาและความต้องการของชุมชน โดยมีพื้นที่รับผิดชอบในการดำเนินงาน 65 ตำบล ประกอบด้วย จังหวัดพัทลุง 61 ตำบล และจังหวัดสงขลา 4 ตำบล ซึ่งตามแผนการดำเนินงานได้กำหนดให้แต่ละตำบลดำเนินการจัดทำโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบล ตามปัญหาและความต้องการของชุมชน ใน 4 ด้าน ประกอบด้วย


1) ด้านการพัฒนาสัมมาชีพและสร้างอาชีพใหม่ (การยกระดับสินค้า OTOP/อาชีพอื่นๆ)
2) ด้านการสร้างและพัฒนา Creative Economy (การยกระดับการท่องเที่ยว)
3) ด้านการนำองค์ความรู้ไปช่วยบริการชุมชน (Health Care/เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ)
4) ด้านการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม/Circular Economy (การเพิ่มรายได้หมุนเวียนให้แก่ชุมชน)


และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อนวัตกรและชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ มหาวิทยาลัยทักษิณ จึงได้จัดงาน TSU2T INNOVATION FAIR เพื่อสร้างพื้นที่กลางในการจัดแสดงสุดยอดนวัตกรรมเด่นจากการดำเนินโครงการ สำหรับใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา โดยมีมหาวิทยาลัยทักษิณเป็นหน่วยงานบูรณาการโครงการ (System Integrator) ซึ่งงานมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-29 ธันวาคม 2564 โดยประกอบด้วยกิจกรรมวิชาการ อาทิ การปาฐกถา การเสวนา การจัดนิทรรศการ การประกวดนวัตกรรมชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมภาคค่ำ เช่น การแสดงดนตรีและศิลปะพื้นบ้านจากศิลปินชั้นนำระดับประเทศ
ประกอบกับมหาวิทยาลัยทักษิณ ถือเป็นภาคีเครือข่ายสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดพัทลุงมาอย่างต่อเนื่อง ตามวิสัยทัศน์ คือ การเป็นเมืองแห่งความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” (Sustainability

Phatthalung) ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจังหวัดพัทลุงมีการดำเนินโครงการ/กิจกรรมกับมหาวิทยาลัยหลากหลายด้าน โดยหนึ่งในโครงการที่เกิดการยกระดับจังหวัดพัทลุงได้อย่างเป็นรูปธรรม และเกิดการขับเคลื่อนการทำงานที่ครอบคลุมทั้งจังหวัด คือ โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ

เนื่องจากครอบคลุมพื้นที่การดำเนินงานของจังหวัดพัทลุงถึง 61 ตำบล และขยายพื้นที่เพิ่มเติมไปถึงอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา อีก 4 ตำบล จึงถือเป็นโอกาสดีของจังหวัดพัทลุงที่คนในชุมชนได้มีงบประมาณมาพัฒนาตำบลตามสภาพปัญหาและความต้องการของคนในตำบลหลังจากเราต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตการณ์ระดับชาติจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนทุกภาคส่วนตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน 11 เดือนที่ผ่านมา จังหวัดพัทลุงมีงบประมาณที่กระจายรายได้ลงสู่ชุมชนสูงกว่า 200 ล้านบาท ชุมชนได้องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาพื้นที่ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้าน OTOP ด้านท่องเที่ยว ด้านการบริการชุมชน และด้านการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านการจัดทำโครงการ 260 โครงการ ซึ่งล้วนแล้วแต่สอดรับกับการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของจังหวัดพัทลุงที่มุ่งพัฒนาเมืองคุณภาพ สิ่งแวดล้อมดี ชุมชนเข้มแข็ง และ การเกษตรและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ยั่งยืนต่อไป


“TSU2T Innovation Fair : นวัตกรรมชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก” ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-29 ธันวาคม 2564 ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิด มีการเสวนาสานพลังเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น “บทเรียนความสำเร็จของโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ”โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทวนธง ครุฑจ้อน (ผู้แทน USI มหาวิทยาลัยทักษิณ) ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริการวิชาการและชุมชนสัมพันธ์ สงขลา นายมีศักดิ์ ดวงขวัญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าพะยอม (ผู้แทน TSI ประจำตำบล) นางวัลภา จันทร์ปาน ประธานกลุ่มออมทรัพย์บ้านควนตะแบก (ผู้แทน TSI ประจำตำบล) อาจารย์ ดร.เพ็ญพักตร์ หนูผุด อาจารย์ที่ปรึกษานวัตกรชุมชน ตำบลมะกอกเหนือ นางสาววรางคณา พงศาปาน นวัตกรชุมชนตำบลตะแพน ดำเนินการเสวนา โดย ดร.บัณฑิต ทองสงฆ์ รักษาการแทนรองผู้อำนวยการสถาบันปฏิบัติการชุมชนเพื่อการศึกษาแบบบูรณาการ