ชาวพัทลุง แห่ผ้าขึ้นห่มพระธาตุเจดีย์วัดเขาเมืองเก่าชัยบุรีอายุกว่า 360 ปี

ช่วงสายวันนี้ ที่วัดเขาเมืองเก่าชัยบุรี ตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง นายวิญญ์ สิทธิเชนทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชนชาวพัทลุง ต่างแต่งกายชุดขาว ร่วมประกอบพิธีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเจดีย์เนื่องในวันมาฆบูชา เพื่อเป็นการสืบสานประเพณี ซึ่งสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนให้คงอยู่สืบต่อไป ตามแบบที่ปฏิบัติกันมาทุกปี ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 และวันนี้ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่มีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เกิดขึ้นพร้อมกัน หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วันจาตุรงค์สันนิบาต” และพระธาตุเจดีย์ดังกล่าวเป็นที่นับถือชาวพุทธศาสนิกชนชาวพัทลุง และชาวพุทธทั่วสารทิศ ที่เดินทางมากราบไหว้สัการะบูชา อย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับวันสำคัญใดๆ

ขณะที่พระธาตุเจดีย์ วัดเขาเมืองเก่าชับบุรี นั้นเป็นพระธาตุเจดีย์ที่มีอายุมายาวนานกว่า 360 ปี เดิมเป็นที่ตั้งของเมืองพัทลุง โดยมีภูเขาล้อมรอบในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระธาตุเจดีย์ มีกำแพงลักษณะเป็นป้อมค่ายที่สร้างขึ้นในสมัยพระนารายณ์ฯแห่งกรุงศรีอยุธยา โดยวิศวกรชาวฝรั่งที่เดินทางเข้ามาในสมัยนั้น พร้อมสร้างป้อมค่าย กำแพงเมือง แบบชาวตะวันตกขึ้นหลายแห่งตามหัวเมืองสำคัญ

สำหรับวันมาฆบูชา เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 ปีก่อน ทางพุทธศาสนาตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ คือการที่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 1,250 รูปมารวมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ซึ่งทุกรูปเป็นผู้ได้อภิญญา 6 และได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าทุกรูปหรือเรียกอีกอย่างว่า วันจาตุรงคสันนิบาต คือวันที่มีเหตุการณ์ หรือ องค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ ดังนี้ 1.พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกัน ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยไม่ได้นัดหมาย 2.พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็น “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” หรือผู้ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า 3. พระภิกษุสงฆ์ทุกรูปที่มาประชุมในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6 4. ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3)

พัทลุงผู้ป่วยโควิดรายใหม่พุ่งสูงจาก 5 คลัสเตอร์ใหม่

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 จังหวัดพัทลุง น่าเป็นห่วงยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ดันพุ่งสูงถึง 146 ราย สูงสุดตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา จาก 5 คลัสเตอร์ใหญ่ติดเชื้อกว่า 400 ราย

การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 พื้นที่ของจังหวัดพัทลุง กลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้งหลังพบผู้ป่วยรายใหม่ดันพุ่งสูงถึง 146 ราย เมื่อวานที่ผ่านมา มากที่สุดอำเภอเมืองพัทลุง จำนวน 60 ราย รองลงมาอำเภอป่าพะยอม 15 รายและอำเภอตะโหมด จำนวน 12 ราย รวมยอดผู้ป่วยติดเชื้อ จำนวน 3,451 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อมาจาก 5 คลัสเตอร์ใหญ่ คือคลัสเตอร์สถานบันเทิง คลัสเตอร์บ่อนไก่ชน คลัสเตอร์งานแต่งงาน คลัสเตอร์งานศพ และคลัสเตอร์พนักงานดับเพลิงเทศบาล ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2565 จนถึงวันนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อจากคลัสเตอร์กว่า 400 ราย

ล่าสุดพบว่าคลัสเตอร์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง 2 คลัสเตอร์ คือคลัสเตอร์งานศพ พื้นที่ตำลปำ อำเภอเมืองพัทลุง และคลัสเตอร์พนักงานดับเพลิงเทศบาล ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง ด้านเจ้าหน้าที่เร่งลงพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังพร้อมกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยบริเวณบ้านพัก และจากการพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างพุ่งพรวดนั้นเนื่องจากแต่ละสถานที่ไม่ปฏิบัติตามกำหนดของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดพัทลุง ที่ออกมาตรการมาอย่างเข้มงวดอย่างเช่นสามารถจัดงานได้ แต่ไม่อนุญาตให้รับประทานอาหารร่วมกันภายในงานแต่งงาน และงานศพ จึงเกิดการติดเชื้อมีผู้ป่วยจำนวนมากในแต่ละวัน ของพื้นที่จังหวัดพัทลุง

ด้านนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า สาเหตุที่มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ เนื่องจากไม่มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพัทลุง โดยมีผู้ป่วยติดเชื้อมาจาก 5 คลัสเตอร์ใหญ่ คือคลัสเตอร์สถานบันเทิง คลัสเตอร์บ่อนไก่ชน คลัสเตอร์งานแต่งงาน คลัสเตอร์งานศพ และคลัสเตอร์พนักงานดับเพลิงเทศบาล ซึ่งหลังจากนี้สั่งให้นายอำเภอ และผู้นำท้องที่แต่ละอำเภอ เข้มงวดกับการจัดงานแต่ละประเภทโดยให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าดูแลงานที่จัดขึ้นในพื้นที่ ให้ปฏิบัติข้อกำหนด หากมีการฝ่าฝืนให้หยุดจัดงานทันที.

กลุ่มสมัชชาคนจนยื่นหนังสือทวงถามโครงการจัดที่ดินให้ชุมชน

เครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด เข้ายื่นหนังสือถึง “ บิ๊กป้อม” ผ่านผู้ว่าฯพัทลุง ขอคัดค้านและยกเลิกการเข้าร่วมโครงการจัดที่ดินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลภายใต้ คทช. เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้ขัดไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต และไม่สร้างความมั่นคงในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยแนวเขตพื้นที่ป่าไม้ของภาครัฐยังไม่ชัดเจน

ช่วงสายวันนี้ ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง สมาชิกสมัชชาคนจน เครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัดในพื้นที่ จ.พัทลุง ประมาณ 30 คน ภายใต้การนำของ นายชำนิ รอดแก้วเรือง ประธานเครือข่ายคนต้นน้ำ ต.เขาปู่ อ.ศรีบรรพต และนายอำนวย รากแก้ว ประธานสภาองค์กรชุมชนรักษ์ป่าต้นน้ำ ต.ตะแพน อ.ศรีบรรพต ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผ่านนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง โดยมี จนท.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพัทลุง รับหนังสือดังกล่าว

ซึ่งการดำเนินการโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)นั้น สมาชิกเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด และสมาชิกสมัชชาคนจนเห็นว่าโครงการดังกล่าวได้ขัดและไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต และไม่สร้างความมั่นคงในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ส่วนแนวเขตพื้นที่ป่าไม้ของภาครัฐยังไม่ชัดเจน ยังทับที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ จนส่งผลให้มีการเร่งรัดเรียกเก็บเงินค้างชำระหนี้จากธนาคาร เนื่องจากที่ดินอยู่ในเขตพื้นที่ป่าไม้อันเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนต่อประชาชน

ซึ่งสมาชิกสมัชชาคนจน ต.ตะแพน ต.เขาปู่ ต.บ้านนา และเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด จึงเสนอให้ พลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน ได้ยุติการดำเนินการโครงการจัดที่ทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลภาคใต้ คทช.โดยทันที และให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของราษฎรที่มีการครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน โดยการดำเนินการในรูปแบบนิคมสหกรณ์ตาม พรบ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 ตามบันทึกความเข้าใจระหว่างสมัชชาคนจนกับรัฐบาล หากการเรียกร้องดังกล่าวนี้ไม่มีความคืบหน้าทางเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด จ.ตรัง จ.พัทลุง จ.นครศรีธรรมราช และสมัชชาคนจน จะดำเนินการทวงถามกับรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาลในเร็วๆนี้

นายชำนิ รอดแก้วเรือง ประธานเครือข่ายคนต้นน้ำ กล่าวว่าตามที่สมาชิกสมัชชาคนจน เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลครั้งที่ผ่านมา และได้ทำข้อตกเรื่องการโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ คทช. ไม่เป็นไปตามข้อเรียกร้องของสมาชิกสมัชชาคนจน จึงได้ทำหนังสือทวงถามไปยัง พลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน อีกครั้งเพื่อดำเนินตามขบวนการ อย่างถูกต้องตามข้อเรียกร้องเพื่อแก้ปัญหาให้กับสมาชิกสมัชชาคนจน ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านบางรายที่อาศัยทำกิน และปลูกบ้านเรือนอาศัย ถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ป่า โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาปู่ – เขาย่า แล้วจึงขอให้รีบดำเนินการโดยด่วน และหากไม่ดำเนินการก็จะเดินทวงถามกับรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาลในเร็วๆนี้ อีกครั้ง

ในผู้ร่วมก่อเหตุอุ้มฆ่าน้องก้อย ปมทวงค่าแชร์โหด ย่องเข้ามอบตัวแล้ว

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 64 ได้พบศพนางสาว จิราพร หรือน้องก้อย เพชรรัตน์ อายุ 28 ปี คนในพื้นที่ ม. 7 ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง ถูกฆ่าตายแล้วนำศพห่อด้วยผ้าปูที่นอน ถูกมัดด้วยเชือกนำศพทิ้งริมคลองสะพานหยี จุดพบศพอยู่ในพื้นที่ ม.6 ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง สภาพศพพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน เข้าบริเวณชายโครงซ้ายและแขนซ้ายหลายจุดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน
หลังจากพบศพผู้เป็นแม่เข้าร้องสื่อขอความเป็นธรรม พร้อมให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้ ซึ่งปมขัดแย้งมาจากเรื่องเงินค่าแชร์ที่ผู้ตายไปเป็นหนี้ ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้วยังไม่ได้ใช้คืน

หลังจากนั้น ตำรวจก็ลงพื้นที่ แกะรอยเส้นทางภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมสืบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสามารถออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุได้ 3 ราย ได้แก่ นายสุนันท์ หรือเจมส์ จิตภักดี นางยุวเรศ หรือหมวย กลศึก สองสามีภรรยา และนายชิษณุพงษ์ หรือต้น เพชรชี

ต่อมาทางด้าน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร.พร้อมคณะทำงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่จังหวัดพัทลุงติดตามคดีสำคัญต่างๆ พร้อมกับทีมตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดพัทลุง ตำรวจชุดปราบปรามผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้าง กดดัน ปราบปราม ติดตามคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ กลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง ทำให้ผู้ต้องหาในคดีสำคัญๆ ต่างทยอยเข้ามอบตัว

ล่าสุดช่วงสายวันนี้ 7 กุมภาพันธ์ 65 ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้รับประสานจาก 1 ในกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุคดีอุ้มฆ่าน้องก้อย เพื่อเข้ามอบตัว ทราบชื่อ คือ นายชิษณุพงษ์ หรือต้น เพชรชี อายุ 25 ปี ก่อนที่ตำรวจจะคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมแจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ชาวบ้านเข้ายื่นหนังสือสนับสนุนวิ่งเทรล หลังมีนักอนุรักษ์ฯออกมาเคลื่อนไหวค้านการจัดงาน

ผู้ประกอบการรีสอร์ทและร้านอาหารกว่า 40 รายเข้ายื่นหนังสือถึง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง สนับสนุนให้มีการจัดการงานวิ่งเทรล หลังจากมีกลุ่มนักอนุรักษ์สัตว์ป่าออกมาเคลื่อนไหวผ่านสื่อโซเชียล คัดค้านการจัดงาน อ้างกระทบที่อยู่ของสัตว์ป่าในพื้นที่การจัดงานวิ่ง

นายธวัธชัย อินนุรักษ์ ตัวแทนผู้ประกอบการรีสอร์ท พร้อมสมาชิกผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.กงหรา จำนวน 40 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือสนับสนุนวิ่งเทรลหลังมีนักอนุรักษ์สัตว์ป่าการคัดค้าน ถึงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ตามที่จังหวัดพัทลุงได้แจ้งว่าจะดำเนินการจัดแข่งขันวิ่งในพื้นที่ธรรมชาติ วิ่งเทรล UTTP “Ultra Trail Thailand Series Phatthalung 2021″ในระหว่างวันที่ 11 – 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่จะถึงนี้ ณ เทศบาลตำบลคลองทรายขาว อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง อาสาสมัครชุมชน ไกด์นำทางชุมชน ผู้ประกอบการรวมถึงชาวบ้านที่มีส่วนร่วม ในการจัดเตรียมงาน ในพื้นที่อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง ได้จัดเตรียมความพร้อมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อต้อนรับนักวิ่งและนักท่องที่ติดตามมา โดยหวังว่าการจัดวิ่งในครั้งนี้จะสร้างรายได้ให้ชุมชน ซึ่งการมายื่นหนังสือในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากก่อนหน้า

มีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่ง ที่ใช้ชื่อว่า Supasek Opitakon โพสข้อความประมาณว่า หากจัดให้มีการแข่งขันใดๆในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อประโยชน์ของราชการตามพระราชกิจจานุเบกษาจริงๆ ภาพข้อมูลจากการศึกษาวิจัย ของเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาบรรทัดมีมากพอ ถ้ายังตัดสินใจให้ใช้เส้นทางเขาล้อน ก็จะเคารพการตัดสินใจของหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ และคนที่นั่น แต่ถ้าขอได้อย่าวิ่งเข้าไป อย่าจัดแข่งขัน อะไรกันอีก อย่าเลือกใช้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพราะสิ่งมีชีวิตอื่น( สัตว์ป่า ) เขาไม่เหมือนเรา พื้นที่ชีวิตเขาเหลือน้อยเต็มที พร้อมติดแอชแท็ก #กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หลังจากนั้นก็มีกลุ่มนักอนุรักษ์ออกมาคัดค้านการจัดกิจกรรมการวิ่งเทรลล์อีกเป็นจำนวนมาก

นายสุภเศรษฐ โอภิธากรณ์ อายุ 48 ปี รองประธานมูลนิธิพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย และเป็นช่างภาพถ่ายเกี่ยวกับสัตว์ป่า กล่าวว่า การจัดกิจกรรมส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ ส่งผลกระทบต่อชีวิตสัตว์ป่าหายาก โดยเฉพาะสมเสร็จ แมวดาว แก้งดำ เสือดาว แมวลาย ลิงแสน และสัตว์ป่าอีกหลายชนิด ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ตนเองพร้อมเพื่อนช่างภาพ เดินทางสำรวจสัตว์ป่าบนยอดเขาล้อน พบว่าสัตว์ป่ามีความหลากหลาย โดยเฉพาะสมเสร็จ แก้งดำ เสือไป แมวลาย สัตว์ป่าอนุรักษ์ ที่ใกล้ศูนย์พันธุ์ และเหมือนว่าจะพบในผืนป่าแห่งนี้แห่งเดียวของประเทศไทย หากมีการจัดวิ่งดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อชีวิตสัตว์เหล่านี้แน่นอน ตนจึงไม่เห็นด้วย และอยากฝากถึงผู้จัดงาน ว่าการที่มีคนเข้าไปในจุดดังกล่าวเยอะ เท่ากับบุกรุกบ้านของสัตว์ป่า คนจัดงานน่าจะศึกษาเรื่องดังกล่าวให้ละเอียดก่อนจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น

ทางด้านนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าวทางจังหวัดพัทลุงได้เตรียมงานมากว่า 4 เดือน เพื่อให้นักวิ่งจากภายใน และต่างประเทศ เข้ามาสัมผัสกับธรรมชาติของจังหวัดพัทลุง พร้อมการเข้ามาพักในพื้นที่จเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในพื้นที่อำเภอกงหรามีรายได้ แต่หากมีการคัดค้านจากกลุ่มนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ทางจังหวัดพัทลุงจะรอหนังสืออนุญาตอย่างเป็นทางการจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าสามารถจะดำเนินการต่อไปได้หรือไม่ หากจัดได้ก็ยินดีจะจัดเปลี่ยนเส้นทางบางส่วน ให้มีความเหมาะยิ่งขึ้น.

อดีตนักวิจัยสาว กลับบ้านปลูกข้าวสังข์หยด เน้นการเก็บเกี่ยวด้วยแกระ ตามวิถีชาวนาแบบดั้งเดิม

วันนี้ทีมข่าวได้มีโอกาสเดินทางลงพื้นที่ ต.โตนดด้วน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อไปพบกับกับ นางนภัทร์พร พรมสวัสดิ์ อายุ 35ปี เจ้าของแปลงนาข้าวสังข์หยด อดีตนักวิจัยของ ม.เทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา ได้ลาออกจากงานเพื่อกลับบ้านมาทำธุรกิจส่วนตัว และช่วยแม่ปลูกข้าวสังข์หยด ในพื้นที่ ม.7ต.โตนดด้วน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง บนเนื้อที่เกือบ 4ไร่ และเน้นวิธีการเก็บเกี่ยวตามวิถีชาวนาแบบดั้งเดิม คือการใช้แกร๊ะในการเก็บเกี่ยว


นางนภัทร์พรฯ กล่าวว่า เดิมพ่อ แม่ก็เป็นชาวนา ทำมากันมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น พอมีโอกาสได้กลับมาช่วยแม่ทำนาก็อยากรักษาวิถีการเก็บเกี่ยวข้าวแบบเดิมเอาไว้ และถือว่าเป็นกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว ต้องการถ่ายทอดขั้นตอนการทำนาให้คนทั่วไปได้เห็นความสำคัญของการทำนา ตั้งแต่ขั้นตอนของการปลูก การเก็บเกี่ยว โดยนางนภัทร์พรฯ บอกว่า แปลงนาที่ปลูกข้าวก็จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทั้งหมด ไม่มีสารเคมีอื่นปนเปื้อน


อีกอย่างการเก็บเกี่ยวข้าวด้วยแกร๊ะนี้ จะทำให้คุณภาพของเมล็ดข้าวคงเดิม ไม่แตกหัก สามารถเลือกรวงข้าวที่สุกเต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยวได้ เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าข้าวทุกรวงที่เก็บเกี่ยวนั้นสุก และโตเต็มที่ ทำให้เวลานำไปหุงข้าวจะมีความหอมกว่าข้าวที่ใช้รถเก็บเกี่ยว.

ตร.ปิดล้อมวิสามัญ “ไอ้แกร๊ก” ผู้ต้องหารายสำคัญ ถูกหมายจับ 15 คดี

ไม่รอด! “บิ๊กใหม่-บิ๊กโจ๊ก” นำกำลังตำรวจปิดล้อมวิสามัญ “ไอ้แกร๊ก” ผู้ต้องหารายสำคัญ หลังสะสมหมายจับตั้งแต่ปี 2550 มากกว่า 15 หมายจับ ในพื้นที่ 3 จังหวัด

ความคืบหน้ากรณีตำรวจติดตามจับกุมตัวนายประดิษฐ์ มุสิกะสงค์ หรือ “แกร๊ก” อายุ 43 ปี ชาว ต.ฝาละมี จ.พัทลุง ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดพัทลุง ตรัง และสงขลา รวม 15 คดี ทั้งคดียาเสพติด และฆ่าคนตาย รวมถึงเป็นมือปืนรับจ้างอันดับต้นๆ ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จนมีการตั้งค่าหัวไว้ 1 แสนบาท

ซึ่งก่อนหน้านี้ “แกร๊ก” พร้อมพวก 4 คน หลบซ่อนตัวในมาตะตะลุงรีสอร์ต ท้องที่ ม.16 ต.ชะมวง อ.ควนขนุน และขับรถเก๋ง ฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ พร้อมใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่รถกระบะของ พ.ต.อ.ภาคิน ณ ระนอง รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง เสียหายบริเวณกระจกหน้า 3 รู

ล่าสุด พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. เดินทางลงพื้นที่นำกำลังชุดปฏิบัติการ พร้อมทั้งติดอาวุธนำทีมไล่ล่าตัวคนร้ายด้วยตัวเอง

โดยมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ดูแลพื้นที่จังหวัดพัทลุง ประกอบด้วย พ.ต.อ.สุริยา ปัญญามัง รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ชวลิต เพชรศรีเปีย รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.ท.วิรัตน์ จีนเมือง  หน.ชุด ชปส.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.ต.จำเริญ  อินทร์แก้ว หน.ชุดปราบปรามผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้าง สตช. ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรพัทลุง และกำลัง ตชด. 434 พัทลุง

สืบเนื่องจากกรณีตำรวจภูธรภาค 8 เข้าปิดล้อมรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ชะมวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อจับกุม นายประดิษฐ์ หรือ ไอ้แกร๊ก อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดพัทลุง  ตรัง และ จ.สงขลา รวม 15 คดี พร้อมพวก 4 คน แต่คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงต่อสู้ตำรวจและหลบหนีไปได้

จนกระทั่งมีการปิดล้อมพื้นที่หลายจุดและหลายจังหวัด แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวไอ้แกร๊กและพวกได้ ซึ่งตำรวจยังระดมกำลังทำงานค้นหากันอย่างต่อเนื่อง มีการปฏิบัติการติดตามไล่ล่าในจังหวัดพัทลุง ตรัง พังงา สงขลา

และมาปิดล้อมล่าสุดที่ในท้องที่หมู่ 1 ตำบลรามแก้ว อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนที่จะเกิดการยิงต่อสู้อย่างดุเดือด โดยมีรายงานว่าคนร้ายได้พยายามใช้ระเบิดขว้างใส่เจ้าหน้าที่พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนสงครามชนิด HK. และอาวุธปืนขนาด .357 ต่อสู้ แต่ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ได้วิสามัญตามขั้นตอน

ขณะที่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.) หรือ บิ๊กใหม่ ระบุว่า หลังจากเกิดเหตุได้ปิดกั้นพื้นที่รอเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายเข้าทำการชันสูตรประกอบด้วยพนักงานอัยการ ฝ่ายปกครอง แพทย์ และพนักงานสอบสวนท้องที่ เข้าทำสำนวนวิสามัญฆาตกรรม ขณะเกิดเหตุนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อมเห็นผู้ต้องหากำลังจะเข้าบ้าน จึงเรียกให้ออกมาพบเจ้าหน้าที่ จังหวะที่เรียกเขาก็วิ่งไปก่อนไปปะทะกับเจ้าหน้าที่

หลังจากเหตุการณ์สงบแล้วเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบอาวุธปืน ในเป้มีแมกกาซีน กระสุนปืน และยังไม่แน่ชัดว่ามีอย่างอื่นด้วยหรือไม่ ส่วนอาวุธปืนของคนร้ายนั้นมีเอ็ม 16 ตัดสั้น 1 กระบอก ในกระเป๋ามีปืนสั้น

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สังเกตก่อนที่จะมีการชันสูตรพบว่านายประดิษฐ์มีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณขา ลำตัวเป็นหลัก แต่จะต้องรอบันทึกละเอียดหลังจากที่แพทย์เข้าทำการชันสูตร

สำหรับประวัติ นายประดิษฐ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550–2565 ตกเป็นผู้ต้องหาของศาลจังหวัดพัทลุง ตรัง และ จ.สงขลา รวม 15 คดี ประกอบด้วย ข้อหาฆ่าผู้อื่น 5 คดี พยายามฆ่าผู้อื่น 3 คดี ข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย 2 คดี ข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ 1 คดี ข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน 1 คดี ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จำนวน 1 คดี

ล่าสุด ถูกหมายจับของศาลจังหวัดพัทลุง ที่ 34/2565 ของ สภ.ควนขนุน ในข้อหาร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ร่วมกันมี ใช้อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต  ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิดนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 55  มีอาวุธปืนสงครามไว้ในความครอบครอง ร่วมกันในข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้อนุญาต

ฉาวโฉ่อีกแล้วสมาชิกสหกรณ์ตำรวจพัทลุงกว่า 1 พันคน ร่อนหนังสือร้องขอความช่วยเหลือหลายภาคส่วน ช่วยติดตามคดีการทุจริตภายในของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง มีความเสียหายสูงถึงเกือบ 1,700 ล้านบาท

เหล่าบรรดาข้าราชการตำรวจ ที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์ตำรวจพัทลุง จำกัด จำนวน 1,800 คน ได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ และขอความเป็นธรรมแก่หน่วยงานต่างๆไปหลายแห่ง ทั้ง ผบ.ตร. ,ผบช.ภ.9, กองสอบสวนคดีพิเศษดี เอส ไอ,อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์,ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ,ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง และสื่อมวลชน หลังพบว่ามีการทุจริตเงินของสหกรณ์ มานานนับสิบปี สร้างความเดือดร้อนให้แก่สมาชิก ในวงเงินสูงถึง 16,96,764,629.60(หนึ่งพันหกร้อยเก้าสิบหกล้าน เจ็ดแสนหกหมื่น สี่พันหกร้อย ยี่สิบเก้าบาท หกสิบสตางค์)

ซึ่งได้ร่วมกันฉ้อโกงเป็นขบวนการ มีพฤติกรรมในการปลอมแปลงเอกสาร การจ่ายเงินให้กู้แก่สมาชิก สั่งจ่ายการฝากเงิน ถอนเงิน ในบัญชีผีเกือบ 500 บัญชี สั่งจ่ายเช็คเงินปันผลให้กับสมาชิกที่ไม่มีตัวตน ตกแต่งบัญชี หรือ ที่เรียกว่าบัญชีผีนั่นเอง และเรื่องดังกล่าว ทางสมาชิกของสหกรณ์ตำรวจเคยได้มอบหมายให้ ร.ต.ต.พันธ์ชัย ชัยด้วง ประธานของสหกรณ์ฯ เข้าแจ้งความไว้แล้วครั้งหนึ่งเมื่อ วันที่ 14 ส.ค.64 ที่ สภ.เมืองพัทลุง โดยพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความลงเป็นคดีอาญา เลขที่ 506/2564 พร้อมแจ้งข้อหาผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 9 ราย ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับเอาของโจรและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมานาน คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย

จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค.65 ที่ผ่านมา ครบรอบปีที่สมาชิกจะได้รับเงินปันผล แต่กลับถูกปฏิเสธจากทางคณะกรรมการสหกรณ์ฯ อ้างว่าไม่มีเงินเพราะสหกรณ์ฯกำลังประสบปัญหาขาดดุล จึงทำเหล่าบรรดาข้าราชการตำรวจเดือดร้อน จะถอนทุนคืนออกมาก็ไม่ได้อีก


และจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตเงินของสหกรณ์ฯ เป็นบุคคลในครอบครัวของข้าราชการตำรวจเดียวกันถึง 5 ราย เรียกว่าตั้งใจเข้ามาฉ้อโกงกันทั้งครอบครัวเลยทีเดียว

ล่าสุด ทางสมาชิกสหกรณ์ ก็ได้ออกมาเรียกร้องเพิ่มเติม ให้ตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการของสหกรณ์ชุดล่าสุดอีกด้วย เนื่องจากขณะนี้สมาชิกไม่ไว้วางใจ และไม่เชื่อมั่นการบริหารของ ร.ต.ต.พันธ์ชัย ชัยด้วง ประธานสหกรณ์ฯ พร้อมคณะทำงานทั้งหมด อีกทั้งยังพบว่าในช่วงที่สหกรณ์เกิดปัญหา ทางคณะกรรมการของสหกรณ์บางคน ได้เข้าไปแทรกแซงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และมีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย.

ผู้ว่าปัดแจงชี้โยนให้ปลัดจังหวัดปมคลิปฉาวบ่อนไก่ชนแออัดและมีการทะเลาะ

ผู้ว่าฯปัดแจงชี้โยนให้ปลัดจังหวัดชี้แจงแทน ปมคลิปฉาวบ่อนไก่ชนแออัดและมีการทะเลาะ จากบ่อนไก่ชนที่ได้รับอนุญาตก่อนวันที่จะมีมาตรการควบคุมโรคโควิดสั่งปิด

จากกรณีที่มีการแชร์คลิปฉาวการทะเลาะวิวาทและทุบตีกันระหว่าง 2 สาว และมีคนจำนวนมากภายในบ่อนไก่โดยไม่มีระยะห่าง บางรายไม่สวมหน้ากากอนามัย ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคดโควิด – 19 ซึ่งอาจเกิดการแพร่ของเชื้อโรคหวั่นกลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่อีกครั้ง ในบ่อนพนันชนไก่แห่งหนึ่งจนฉาวโฉ่ไปทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นการกระทำที่สวนทางกับมาตรการการเฝ้าระวังของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ซึ่งข่าวได้ขอเข้าสัมภาษณ์นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวีดพัทลุง แต่กลับปัดการชี้แจง โดยให้นายกองเอก อดุลย์ ชูทอง ปลัดจังหวัดพัทลุง ชี้แจงแทน


นายกองเอก อดุลย์ ชูทอง ปลัดจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ตามที่ข่าวดังกล่าวในเฟสบุ๊กและสื่อโซเชียล ซึ่งเป็นสนามชนไก่ในบ่อนพนันชนไก่แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.พัทลุง มีภาพวิดิโออยู่กันอย่างแออัด และภาพเหมือนทะเลาะวิวาทกันนั้น หลังจากที่ทราบข่าวตนก็ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวพบว่าเป็นบ่อนชนไก่ที่ได้รับอนุญาตโดยถูกต้องตามกฏหมาย ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ท่ามิหรำ อ.เมืองพัทลุง ซึ่งขออนุญาตชนๆไก่เมื่อเดือน ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยทั่วไปแล้ว วันที่ 3 วันที่ 24 และวันที่ 31 มกราคม 2565 ที่จะถึง


สำหรับเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นนั้นได้เกิดเมื่อตอนเย็นวันที่ 24 มกราคม 2565 เนื่องจากนักพนันชนไก่รายหนึ่งที่เดินทางมาจาก จ.นครศรีธรรมราช หลังจากที่นักพนันชนไก่รายนี้ วางกระเป๋าแล้วไปเข้าห้องน้ำและเมื่อกลับมาก็พบว่านักพนันชนไก่ชาวพัทลุงมานั่งที่เก้าอี้แทนก็มีเรื่องทะเลาะกันดังกล่าว

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุทั้ง 2 ฝ่ายมิได้ติดใจที่จะเอาความซึ่งกันและกัน และมีคนจำนวนมากภายในบ่อนไก่โดยไม่มีระยะห่าง บางรายไม่สวมหน้ากากอนามัย ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคดโควิด – 19 ซึ่งอาจเกิดการแพร่ของเชื้อโรคหวั่นกลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่อีกครั้ง ในส่วนของจังหวัดพัทลุงนั้นมีบ่อนพนันชนโคที่ได้รับอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย 3 แห่ง บ่อนชนไก่ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 16 แห่ง สำหรับเรื่องดังกล่าวนั้นได้แจ้งให้นายอำเภอเมืองพัทลุงเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว


อย่างไรก็ตามการปฏิบัติตามตามมาตรการการเฝ้าระวังการป้องกันการแพร่ระบาดในบ่อนชนไก่นั้น จะต้องมีการเฝ้าระวังก่อนชน ขณะชนไก่ และหลังจากชนไก่ หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการ ระเบียบข้อปฏิบัติ ของบ่อนพนัน ก็ให้ระงับการชนไก่ในบ่อนดังกล่าวในวันที่ 31 มกราคม 2565 นี้ทันที สำหรับบ่อนพนันชนไก่ของ จ.พัทลุงนั้นจะมีชนกันในระหว่างวันที่ 26 -31 มกราคม 2565 รวม 9 แห่ง และตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไปจะไม่มีการเปิดบ่อนการพนันชนโค ชนไก่ ปลากัด และบ่อนซ้อมใดๆทั้งสิ้น


พร้อมกันนั้น ได้มีหนังสือนายอำเภอทุกๆอำเภอ ได้มีมาตรการเข้มงวดกับมาตรการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งก่อนชน ขณะชน และหลังชน และประเมินมาให้ทางจังหวัดได้รับทราบ หากพบว่าบ่อนใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวคณะกรรมการการประเมินระดับอำเภอ ตัวแทนภาคประชาชน ก็สามารถสั่งปิดบ่อนได้ทันที พร้อมกล่าวย้ำว่าอำนาจการเปิดพนันชนโค ชนไก่ ปลากัด ฯลฯมิใช่อำนาจของปลัดจังหวัด ผวจ. แต่เป็นอำนาจของท้องที่ภายใต้การกำกับ ดูแล ให้ปฏิบัติตามาตรการเฝ้าระวังการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคระบาดดังกล่าว


อย่างไรก็ตามทางด้านนายกู้เกียรติฯ ผวจ.พัทลุง ได้ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดในเรื่องดังกล่าว โดยบอกกับกลุ่มสื่อมวลชนว่าเรื่องดังกล่าวได้มอบหมายให้ นายกองเอก อดุลย์ ชูทอง ปลัดจังหวัดพัทลุง เป็นผู้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนแทนแล้ว

บิ๊กโจ๊ก ลงติดตามคดีที่พัทลุง พร้อมร่วมแถลงข่าว หลัง ตร.ปูพรมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายกว่า 70 จุด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร.ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานป้องกันปราบบราม และงานสืบสวนสอบสวนในพื้นที่ จ.พัทลุง

โดยในช่วงเวลา 14.00น. ได้เข้าร่วมประชุมกับผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทั้ง 16 สภ.เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีสำคัญต่างๆในพื้นที่ รวมถึงร่วมแถลงข่าวผลการการกวาดล้างปฏิบัติการพิชิตพาลเมืองลุง ซึ่งเมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา

มีการปล่อยแถวกำลังตำรวจ ปูพรมเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั่วทั้ง จ.พัทลุง จำนวน 79 จุด ได้ของกลางเป็นอาวุธปืนสงคราม จำนวน 3 กระบอกมีการตรวจยึด และจับกุมมาได้จากพื้นที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง นอกจากนี้ยังมีอาวุธปืนสั้น จำนวน 22 กระบอก ยาเสพติด จำนวน 13 รายการ และควบคุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด จำนวน 26 คน


พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. กล่าวว่า การปิดล้อมตรวจค้นเป็นนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ที่ต้องการให้ตำรวจสร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ลดความหวาดระแวงภัยอาชญากรรมในพื้นที่ จ.พัทลุง หลังพบว่าช่วงหลัง จ.พัทลุง มีคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล อาวุธปืน และยาเสพติดบ่อยมาก โดยเฉพาะคดีของไอ้แกร็ก หรือ นายประดิษฐ มุสิกะสงค์

ผู้ต้องหารายสำคัญ ที่มีหมายจับถึง 7 หมาย 3 ใน7คดีเป็นหมายจับพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการยิงปะทะกับตำรวจเพื่อเปิดทางหลบหนีมาแล้ว 3 ครั้ง ถือเป็นบุคคลอันตราย หากปล่อยทิ้งไว้ เกรงจะไม่เกิดความปลอดภัยกับประชาชนคนบริสุทธิ์ จึงได้เปิดปฏิบัติการตามล่า ตรวจค้นทุกพื้นที่ บูรณาการกำลังร่วมกันหลายหน่วย เพื่อจับกุมผู้ต้องหารายนี้ให้ได้ และหลังจากนี้จะต้องมีการตรวจค้นในพื้นที่ต่อเนื่องอาทิตย์ละครั้ง และฝากไปยังประชาชนที่ทราบเบาะแสของบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล สามารถแจ้งเบาะแสมายังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุงได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ทางด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ฯ ผช.ผบ.ตร. ยังได้กล่าวทิ้งท้าย ถึงความคืบหน้าของคดีรังนกพัทลุง เนื่องจากในวันนี้มีผู้ต้องหาในคดีนี้เข้ามามอบตัวเพิ่มอีก 8 ราย หลังจากนี้จะสอบปากคำเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาทั้งหมด และคาดว่าน่าจะเป็นผู้ต้องหากลุ่มสุดท้าย ที่พบหลักฐานเชื่อมโยงในการขโมยรังนก.